วันอังคารที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

(ทดลองฟัง) 3DAC [Weiss Minerva + bel canto DAC3 + OMZ DAC]

ตั้งแต่เนิ่นนานมาแล้วสมัยที่ผมซื้อ DAC ตัวแรกมาลองใช้ดูเพียงเพราะอยากรู้ว่าเจ้าตัวเล็กๆที่เอามาต่อเพิ่มกับ CD นี้จะทำให้เสียงมันจะดีกว่าเดิมได้มากแค่ไหนกัน คำตอบที่ได้ก็พบว่าเจ้า Audio Alchemy UltraDAC ตัวจ้อยนี้ทำให้ CD Marantz CD-63 ของผมเสียงดีขึ้นมาอีกพอสมควรเลยทีเดียวนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา DAC กับผมก็ขาดจากกันไม่ได้(เว่อร์ซะ)

อุปกรณ์ที่เรียกว่า DAC หรือ Digital to Analog Converter มีอยู่หลายแบบหลายยี่ห้อและหลายระดับราคามากอีกทั้งแต่ละชิ้นก็มีความแตกต่างกันในน้ำเสียงและการออกแบบอยู่มากเหมือนกัน ในยุคแรกๆนักฟังก็ถกกันใหญ่ว่าแบบไหนจะเสียงดีกว่ากันระหว่าง DAC แบบ bit เดียวกับ multi-bit ซึ่งก็มีคำตอบหลากหลายขึ้นอยู่กับว่านักฟังท่านนั้นชอบเสียงแบบใด เท่าที่หูบ้านๆแบบผมฟังมา DAC แบบ bit เดียวเสียงจะนุ่มนวลสุภาพแต่ Multi-bit จะให้เสียงที่สดรายละเอียดยิบฟังแล้วสนุก แต่พอมารุ่นหลังๆมาเท่าที่เห็นก็มี multi-bit กันทั้งนั้นเพราะระบบแบบ multi-bit จะรองรับ format ในรุ่นใหม่ๆได้ดีกว่าไม่ว่าจะเป็น SACD, HDCD, DVD-Audio, HRx แล้วอีกหน่อยจะเป็นอะไรอีกก็ไม่รู้เพราะการบันทึกเสียงใน Disc หรือใน HDD ก็ยังจะพัฒนาต่อไปอีกเรื่อยๆซึ่งก็ได้แต่รอดูกันไป แต่วันนี้สำหรับผมเองก็ยังรู้สึกดีและจงรักภักดีกับ format เก่าๆเท่าที่มีอยู่ไปก่อนเพราะว่ายังไม่มีตังค์จะไปไล่ตาม technology ฮ่า.. อีกอย่างที่สำคัญมากที่สุดก็คือผมไม่ค่อยจะชอบเสียงที่คมจัดชัดกริ๊บของ Format ใหม่ๆซักเท่าไหร่แต่ก็ไม่ได้ต่อต้านนะ เพราะว่าหากไม่เปิดใจรับ technology ใหม่ๆบ้างก็คงจะไม่ได้เหมือนกันเพราะคนก็คงต้องปรับตัวไปตามโลกที่เปลี่ยนไปแต่ขอแค่"ใจ"รู้ว่าเรา"ต้องการอะไร"เท่านั้นก็พอ

อาทิตย์ที่ผ่านมานี้ตั้งแต่ผมกลับจากขึ้นเขาไปฝึกวิชามาก็ฟังเพลงซะจนมึนไปข้างนึงเลยเหมือนกันเหตุก็เพราะว่ามีของที่ผู้มีอุปการะคุณหลายต่อหลายท่านคือคุณ peeradonn พี่ redbook และคุณ X อุตส่าห์ให้ยืมมาลองวางรออยู่ที่หน้าห้อง ขอขอบคุณมากๆครับเพราะบางชิ้นนี่หากให้ผมซื้อหามาใช้เองก็คงจะไม่มีปัญญา สำหรับอุปกรณ์ที่ผมอยากลองมากรองลงมาจาก CORIOLAN2 ที่ถูกส่งออกไปอยู่เมืองนอกเรียบร้อยแล้วนั้นก็มีอีกหนึ่งชิ้นก็คือ DAC คอดเทพของ Weiss Engineering มีชื่อรุ่นว่า Minerva DAC ซึ่งนาย Chris Connaker ผู้ก่อตั้งเวป Computer Audiophile ยกให้ว่าเป็น "The Best DAC I've ever heard in a computer based audio system" อะไรจะขนาดนั้น พอมีโอกาสก็เลยอยากลองฟังดูซักดีว่าจะสมราคาที่เค้าชม(คุย)เอาไว้หรือไม่ อีกตัวที่อยากฟังมากอีกเช่นกันเป็น DAC ของ Oritek Audio ช่ือรุ่นว่า OMZ DAC ที่พี่ redbook เป็นเจ้าของ ซึ่งหลายคนบอกว่าเสียงดีแถมราคาก็พอซื้อหากันมาใช้ได้โดยไม่หนักหนาจนเกินไปอีกด้วย เมื่อของทุกชิ้นที่อยากฟังมากองรวมกันอยู่ที่ห้องนอนอันแสนอบอุ่นแล้วจะไม่เอามาฟังเทียบกันหน่อยก็ดูเหมือนว่าจะไม่เป็นการสมควร ขอถือโอกาสเอา 3 DAC มาลองเทียบกันดูในการใช้งานหลายๆรูปแบบดังนี้

1. CD-->DAC--->amp-->หูฟัง(Dynamic & Electroสติแตก)
2. Mac mini-->DAC-->amp-->หูฟัง
3. Mac mini-->Audio-interface-->DAC-->amp-->หูฟัง
4. CD-->DAC-->หูฟัง **
5. Mac mini-->DAC-->หูฟัง **
** เฉพาะ OMZ เพราะมี Headphone amp อยู่ในตัว

อุปกรณ์ที่ใช้ทดลองฟัง:

หูฟัง: STAX SR-007 MK2 mod, ATH L3000, JVC DX1000

Sources: C.E.C. TL 51XR, Mac mini, t.c. electronic konnekt 8

DAC: Bel Canto e.One DAC3, WEISS MINERVA, OMZ DAC

สายสัญญาณ: Cardas Golden Reference RCA(รุ่นเก่าท่อหดเทา), Cardas Golden Reference XLR(รุ่นใหม่ท่อหดดำ), Oritek Audio X2 RCA interconnect, Oritek Audio X1 Digital coax, KJ Digital1, Crytal cable Crytalfire(Firewire cable)จากคุณ Windows X, esoteric firewire จากคุณ peeradonn และสาย firewire&USB แถมอีกสองสามเส้น

เครื่องกรองไฟ: Pure Sine 1000 Max





การทดลองในแบบแรก CD-->DAC--->amp-->หูฟัง :
สำหรับการทดสอบแบบนี้เริ่มจากชุด amp และหู Electrostatics ก่อน Minverva กับ DAC3 ทำคะแนนได้สูสีในภาพรวมๆคือมิติ, tonal balance, เวทีเสียงและไดนามิกเพราะว่า DAC ในระดับราคาขนาดนี้หากจะดีกว่ากันก็ไม่ได้มากมายเท่าไหร่ Minerva มีปลายเสียงแหลมที่กัดหูอยู่บ้าง ส่วน OMZ ถือว่าทำคะแนนได้ดีครับ ที่ด้อยกว่าสองตัวแรกคงเป็นเรื่องของความ flat หรือความถูกต้องของเสียงเท่านั้นเนื่องจากว่าหูแบบ Electrostatics ค่อนข้างขี้ฟ้องและมีเสียงที่ค่อนข้างเปิดและสะอาดพอฟัง OMZ มีเสียง boom ของ upper bass อยู่นิดหน่อยไม่ทราบว่าตั้งใจออกแบบให้เป็นแบบนี้ตั้งแต่ทีแรกเลยหรือไม่เพราะการยกความถี่ในช่วงนี้ขึ้นจะทำให้ความถี่ต่ำขี่ในย่านเสียงกลางอยู่บ้างนิดๆมีผลทำให้เสียงกลางมีเนื้อน่าฟังและนุ่มนวล ส่วนเสียงแหลมลากได้ยาวสู้สองตัวแรกไม่ได้แต่ก็ถือว่า OMZ ให้รายละเอียดในย่านเสียงสูงค่อนข้างดีครับ ในเรื่องของรายละเอียด Minerva เหนือกว่า DAC3 และ OMZ ไปพอสมควร

การทดลองฟังจากหูฟัง L3000, DX1000 ผ่าน RSA Apache พบว่า OMZ มีโทนเสียงที่ laid back ฟังได้สบายหูดีเมื่อเทียบกับ DAC อีกสองตัวที่เวทีเสียงจะล้ำมาทางด้านหน้ามากกว่า ส่วนของไดนามิกของเสียงนั้น Minerva ชนะไปฟังเพลงร็อคได้มันส์ดีรายละเอียดไม่มีตกเช่นเคยแต่ว่าก็ไม่ได้ทำคะแนนห่าง DAC3 ไปมากเท่าไหร่ส่วน OMZ จะหนืดเล็กน้อยเมื่อเทียบกับ DAC อีกสองตัว อาการ boom ของ upper bass มีให้ได้ยินอยู่เช่นกันแต่ว่าน้อยกว่าที่ฟังจากหู electrostatics

การทดลองในแบบที่สอง Mac mini-->DAC-->amp-->หูฟัง :
สำหรับการทดลองแบบนี้ที่ผมอยากรู้ก็คือว่าสัญญาณ Digital out ของ Mac mini ต่อผ่าน DAC แต่ละตัวโดยตรงจะให้เสียงที่แตกต่างกันอย่างไร เพราะว่ายุคนี้เริ่มเข้าสู่ยุคของ Music server กันแล้วคอมพิวเตอร์จะถูกใช้เป็นแหล่งจ่ายสัญญาณเพลงมากขึ้นดังนั้น DAC ตัวไหนที่รองรับการใช้งานในแบบนี้ได้ดีกว่าก็จะได้เปรียบ DAC ตัวอื่นๆ แต่เนื่องจาก DAC ทั้งสามตัวนั้นรับ input ได้ไม่เท่ากันเลยขอแบ่งประเภทของการทดลองฟังออกเป็นกรณีดังนี้
1. optical out ของ Mac เข้า DAC ทั้ง 3 ตัว
2. จาก Firewire เข้า Minerva
3. จาก USB เข้า DAC3
โดยใช้ File AIFF, Apple lossess, mp3 และก็เล่น CD จาก Drive ของ Mac mini เลยโดยตรง

กรณีแรก(optical out เข้า DAC)เสียงของ file AIFF และ CD มีความแตกต่างกันอยู่นิดหน่อย แม้ว่าในทางทฤษฎีแล้วข้อมูล Digital จะเหมือนกัน 100% ก็ตามแต่พอฟังเข้าจริงๆแล้วเสียงมันต่างกันครับ ***(มีคำชี้แจงด้านล่าง)

ที่ว่าต่างกันก็คือว่าเสียงของ AIFF จะแข็งกว่านิดหน่อยหากถามว่าเพราะอะไรผมก็ขอตอบตามความรู้สึกเช่นเคยว่าคอมจะเรียกข้อมูล digital จาก HDD ออกมาใช้งานได้เลยโดยไม่ผ่านการแปลงสัญญาณแสงมาเป็น digital เหมือนกันการเปิด CD แม้ว่าจะเปิดจากคอมเครื่องเดียวกันก็ตามทำให้เกิด jitter ขึ้นเล็กน้อยตอนส่งผ่านข้อมูลทำให้เสียงของ CD มีความนุ่มนวลน่าฟังมากกว่า คล้ายๆกับกรณีของการส่งสัญญาณ Digital out จากขั้ว Coax เทียบกับ Optical ที่ก็เถียงกันอยู่มากเหมือนกัน(ผู้อ่านโปรดพิจารณาเพราะผมไม่มีทฤษฎีหรือเครื่องมืออะไรวัดนอกจากการเดาล้วนๆ ฮ่า.. แต่ผมว่าผมน่าจะเดาได้ใกล้เคียงนะ) ถามจริงๆว่าเถียงกันแล้วได้อะไรหว่า หุุหุหุ ยังไงผมก็ว่า Coax น่าฟังกว่า Digital อยู่ดีเหตุผลเพราะว่าผม"ชอบ"แบบนี้

กรณีที่สองและสาม(Firewire เข้า Minerva เทียบกับ USB เข้า DAC3) สำหรับกรณีนี้สิ่งที่ทำให้ผมหมดความสงสัยก็คือว่าคำกล่าวของ Chris Connaker ที่บอกว่า Minerva เป็น DAC ที่เจ๋งที่สุดสำหรับการฟังเพลงจากคอมนั้น"จริง"ครับ ผมไม่ได้ลำเอียงนะแต่พอฟังเทียบกันระหว่างการใช้ optical out ซึ่งคอมฯส่วนมากจะไม่มีมาให้กัับข้ัวต่อแบบ firewire ก็มีคอมฯหลายๆรุ่นที่ถือว่าเป็นมาตรฐานของเครื่องอยู่แล้วหรือไม่ก็สามารถหามาต่อเพิ่มได้ไม่ยากนัก เสียงเพลงที่ฟังจาก Minerva ผ่านสาย Firewire Crytalfire ของคุณ Windows X(ผมไม่อยากถามราคาเลย) มีความเป็นดนตรีสูงมาก เสียงมีความกังวานและมีช่องอากาศระหว่างเครื่องดนตรีดีมากเมื่อเทียบกับการต่อ USB เข้า DAC3 หรือแม้แต่เทียบการฟังจาก optical out เข้า S/PDIF in ของตัว Minerva เองก็ตาม ดังนั้นเท่าที่ผมฟัง DAC ที่ใช้ต่อกับคอมฯมาคำกล่าวของ Chris นั้นไม่เกินความจริงเลยครับ ดีที่สุดเท่าที่ผมเคยลอง

สำหรับข้อแตกต่างของสาย firewire ที่ผมได้ลองฟังดูระหว่าง Crytal cable กับ esoteric นั้นพบว่าสาย CC ให้ความเป็นดนตรีสูงได้กว่า Eso ส่วน Eso ไดนามิกดีกว่า CC แต่โดยรวมๆ Crytal cable ดีกว่า Eso ทุกด้าน





การทดลองในแบบที่สาม Mac mini-->Audio-interface-->DAC-->amp-->หูฟัง :
สำหรับการต่อแบบนี้มี Audio interface เข้ามาเพิ่มในชุด จุดประสงค์ที่อยากรู้ก็คือว่าระหว่างต่อจาก Mac ผ่านสาย Firewire แบบเทพๆเช่น Crystal cable เข้า DAC เมื่อเทียบกับการต่อจากช่อง Digital Coax ของ konnekt 8 ที่ใช้สาย firewire ที่เกรดต่ำกว่าเสียงมีความแตกต่างกันมากน้อยเพียงใด

หลังจากได้ต่อฟังอยู่เป็นเวลานานพอสมควรพบว่าการต่อผ่านช่อง Firewire ของ Mac mini โดยใช้สาย Crystal cable เข้า Minerva เทียบกับการต่อสาย Digital Coax กับ konnekt 8 โดยใช้สายที่เกรดต่ำกว่าซึ่งก็คือสาย firewire ของ monster cable กับ audioquest เป็นตัวเชื่อมระหว่าง Mac mini กับ konnekt 8 และใช้สาย Digital ของ Oritek audio X1 ต่อผ่านเข้า DAC นั้นเสียงแตกต่างกันเล็กน้อยมากหรือแทบจะไม่แตกต่างแต่โดยรวมแล้วการต่อตรงจาก firewire เสียงดีกว่าและก็สะดวกกว่ามาก แต่พอมานั่งพิจารณาความคุ้มค่าระหว่างการซื้อสาย Firewire แบบเทพมาใช้เทียบกับเพิ่ม Audio interface เข้ามาในชุดผมว่าซื้อ interface มาใช้คุ้มกว่าเพราะว่าเราสามารถจะใช้คอมของเราในการบันทึกเสียงได้ด้วย หากในอนาคตอยากจะให้เสียงดีกว่าเดิมก็สามารถ upgrade เปลี่ยนสาย Coax ให้ดีกว่าที่ใช้อยู่ก็ได้อีกเช่นกัน

การทดลองในแบบที่สี่แหละห้าคือการต่อ CD และ Mac mini-->DAC-->หูฟัง :
จุดประสงค์ที่ต้องการทราบก็คือว่า Headphone amp ของ OMZ DAC มีคุณภาพดีเพียงใด

ผมใช้หู ATH L3000 เป็นหูที่ใช้ทดสอบเพราะคุ้นอยู่กับเสียงของมันอยู่แล้ว หลังจากลองฟังอยู่นานพอดูก็สรุปได้ว่า amp ของ OMZ DAC มีคุณภาพดีทีเดียวครับเสียงอาจจะขุ่นกว่าและด้อยกว่าในด้านอื่นๆอยู่พอสมควรเมื่อเทียบกับ Apache แต่เมื่อเทียบราคาที่ต่างกันหลายเท่ากับคุณภาพเสียงที่ออกมาให้ได้ยินก็ขอบอกว่าไม่ธรรมดาครับ มีข้อด้อยเหมือนกับการต่อ OMZ เข้า Egmont ก็คือว่ามีการ boom ในส่วนของ upper bass อยู่นิดนึงและมีการยกเสียงสูงในย่านบนอยู่เล็กน้อย แสดงว่าในส่วนของ headphone amp ไม่ได้ตกแต่งเสียงที่ผ่านการแปลงจากตัว ship DAC เลยคาดว่าเสียง boom และการยกเสียงแหลมในย่านบนๆอยู่เล็กน้อยนั้นมาจากขั้นตอนการแปลงสัญญาณ DIgital มาเป็น Analog ส่วนจะเป็นเพราะเหตุใดไม่อาจทราบได้ หากให้เดาก็ขอบอกว่าเป็นการปรับแต่งเสียงเล็กน้อยโดยใช้วงจรที่ออกแบบและค่าของตัวอุปกรณ์ที่ใช้เป็นตัวปรับเพื่อให้เสียงใกล้เคียงกับ analog มากๆแม้เสียงจะไม่ flat แต่ผมว่าฟังสบายดีครับ ฟังเพลงได้หลากแนวแต่เข้ากันกับ jazz และเพลงร้องเป็นอย่างมาก





สรุปผลการทดลอง : เมื่อสงสัยใคร่รู้ในเรื่องใดก็สมควรเป็นอย่างยิ่งที่จะไปหาข้อมูลเพิ่มเติมพร้อมกับทำการทดลองให้ได้ทราบผลของเรื่องนั้นๆให้ได้ ยกเว้นเรื่องที่ไม่ดีที่ทุกคนต่างก็รู้กันอยู่แล้วว่ามันไม่ดีเช่น อาจจะเคยสงสัยว่าการปล้นธนาคารนั้นให้ความรู้สึกแบบไหน? สำหรับเรื่องไม่ดีแบบนี้ก็อย่าไปลองละกันครับเพราะว่าอาจจะมีสิทธิ์ไปติดคุกหัวหูโต หุหุหุ

การที่เอา DAC ทั้งสามตัวนี้มาเทียบกันไม่ใช่ว่าเพื่อจะอวดว่าของใครดีกว่าใครหรือว่าอุปกรณ์ชิ้นไหนเจ๋งกว่าชิ้นใด ทั้งหมดนี้เพียงเพื่อต้องการให้คนที่ได้มาอ่านได้รู้พอเป็นไอเดียว่าอุปกรณ์ที่ผมเอามาลองนี้มาความเหมือนหรือแตกต่างกันตรงไหนเท่านั้น แต่โดยความรู้สึกไม่อาจจะเขียนออกมาเป็นตัวหนังสือได้ทั้งหมดเพราะมีข้อจำกัดอยู่ที่ภาษาเขียนก็อยากจะสรุปให้สั้นๆว่า

Weiss engineering Minerva DAC : คมชัดไม่มีตกหล่นทุกรายละเอียดเหมือนดู TV แบบ HiDef ดีที่สุดตั้งแต่ผมเคยฟัง DAC สำหรับคอมฯมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากได้สาย Firewire แบบเจ๋งๆมาเข้าชุดด้วยนี่ขอบอกว่า สุโกย.. เสียงออกมาคล้ายๆกับอุปกรณ์ที่ใช้ใน Studio คือว่าเสียงค่อนข้าง flat และถูกต้องมากๆแต่ก็มีความเป็น Digital อยู่มากอีกเช่นกัน ข้อด้อยของมันก็มีอยู่นิดหน่อยก็คือว่าเสียงอาจจะจัดไปได้สำหรับบาง system หากใช้แอมป์หลอดอยู่ก็พอใช้หลอดช่วยเกลาเสียงให้ได้ ผมใช้หลอด Mullard CV1988 + Amperex ECC88 เสียบกับ Egmont เพื่อฟังกับ Minerva พบว่าเสียงออกมาพอดีเลย

bel canto DAC3 : ไม่มีคอมเม้นท์ หากอยากทราบรายละเอียดเพิ่มเติมก็คลิกได้ที่ Signature ของผมด้านล่างครับมีรีวิวไว้เมื่อนานมาแล้ว ล่าสุดเปลี่ยน fuse เป็น furutech สีฟ้านี่ไม่อยากบอกเลยว่าเสียงเนียนขึ้นเยอะ

Oritek Audio OMZ DAC : สำหรับ DAC+amp ตัวนี้นี่ขอบอกว่าคุ้มราคามากที่สุดในทั้งหมดสามตัวแม้เสียงจะสู้ไม่ได้โดยภาพรวม มี boom ที่ upper bass อยู่เล็กน้อยและมีการยกเสียงแหลมย่านบนสุดอีกนิดหน่อยแต่ว่าก็ทำให้น่าฟัง รายละเอียดดี เวทีเสียงกว้างสู้สองตัวบนไม่ได้แต่ก็ไม่แคบ เสียงแหลมขาดความพริ้วไปหน่อยติดแข็งไปนิดนึง โดยรวมๆก็ขอบอกว่าฟังเพลงได้ไพเราะดีครับ มีความเป็นดนตรีสูง tonal balance ค่อนข้างดีหากโมเพิ่มอีกนิดหน่อยผมว่าน่าจะไปได้ไกลกว่านี้อีกเช่นเปลี่ยนขั้ว RCA หาสายเดินภายในใหม่หรือว่าเปลียนขั้ว IEC ช่วย อีกอย่างที่เป็นข้อดีก็คือว่ามี headphone amp ที่มีคุณภาพไม่ใช่ย่อยติดมาด้วยจึงทำให้คุ้มค่า เป็นอีกตัวเลือกนึงที่ใครอยากได้ DAC ในราคาระดับสองหมื่นน่าจะได้ลองฟังกัน ขอบคุณท่านเจ้าของอุปกรณ์ทุกชิ้นมา ณ. ที่นี้

ข้อคิดที่ได้ : เราห้ามหูไม่ให้ฟังเรื่องที่ไม่ดีไม่ได้ แต่เราห้ามปากไม่ให้พูดในสิ่งที่ไม่ดีได้


ขอให้มีความสุขกับการฟังเพลงครับ Rolling Eyes


( คำชี้แจง : สำหรับส่วนนี้ขอบอกว่าเป็นความเห็นส่วนตัวนะครับ ไม่ได้ต้องการจะไปแย้งกับใครที่บอกว่ายังไงการส่งข้อมูล digital เสียงก็ต้องออกมาเหมือนกัน เพราะมีการถกเถียงกันในเรื่องนี้มันอยู่มากพอสมควร เนื่องจากว่ามีปัจจัยหลายๆอย่างเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องทั้งชุดที่ใช้ฟัง ประสบการณ์ ความสังเกตและอารมณ์ในการฟังที่ยังไงก็"ไม่มีทาง"เหมือนกัน การทดลองในครั้งนี้ผมแค่ต้องการบอกเล่าความรู้สึกที่ผมมีให้ได้อ่านกันเท่านั้นไม่ได้มีวัตถุประสงค์อื่นใด อีกอย่างผมก็ไม่ใช่นักฟังหูทองหรือหูเทพเป็นแค่คนรักเสียงเพลงที่มีหูบ้านๆเอาไว้ใช้หาความรู้และหาความสุขทางเสียงเท่านั้น กรุณาทำความเข้าใจด้วยนะครับ อย่ามาท้าไป blind test เลยนะเพราะว่าไม่มีประโยชน์อื่นใดมากกว่าความสะใจ หากมีท้าไปทำ blind test ผมก็ขอยอมแพ้ซะตรงนี้เลยละกันครับ )

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ผู้ติดตาม