วันอังคารที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

[เล่าสู่กันฟัง] RudiStor CORIOLAN 2 Electrostatics Headphone Driver

เกริ่น: ตั้งแต่สมัยที่เร่ิมสนใจเครื่องเสียงมาจนถึงทุกวันนี้คำถามที่มักจะเจออยู่เสมอและแม้แต่ตัวผมเองก็เคยสงสัยอยู่เหมือนกันก็คือว่า "ชุดอุปกรณ์ราคาแพงแสนแพงนั้นเสียงดีกว่าชุดของเราในมาตราส่วนที่เท่ากับเงินที่ต้องลงทุนจ่ายไปหรือไม่?" ขอตอบตามที่ผมรู้สึกในตอนนี้ว่า"ดี"มากกว่า"ไม่เท่า"กับส่วนต่างของจำนวนเงินที่เราได้จ่ายออกไปแน่นอน แต่ว่าหากเลือกได้แล้วละก็ชุดอุปกรณ์ที่ราคาสูงกว่ามักจะให้ความสุุนทรีย์ในการเสพเพลงได้มากกว่าชุดอุปกรณ์ที่ราคาถูกกว่า เพราะว่าเกรดของอุปกรณ์ที่ใช้ในเครื่องราคาแพงนั้นมีความเพี้ยนน้อยกว่าเครื่องราคาถูกจึงส่งผลทำให้ค่าความเที่่ยงตรงในการส่งผ่านสัญญาณมีความถูกต้องมากกว่า แต่ทั้งหมดที่บอกมานี้ไม่ได้หมายถึงว่าชุดราคาแพงจะเสียงดีกว่าชุดราคาไม่แพงเสมอไปนะครับเพราะว่ามีปัจจัยอื่นๆเข้ามาเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ด้วยอย่างน้อยอีก 5 ประการเช่นว่า

1.ประสบการณ์ในการเล่นและฟังดนตรีที่เรามี
2.ความสังเกต
3.อารมณ์ในตอนนั้น
4.ความเข้ากันของอุปกรณ์ในชุด
5.ความรู้และเข้าใจความต้องการของตัวเอง

ทั้ง 5 ประการที่กล่าวมาแล้วนี้ข้อที่สำคัญมากที่สุดก็คือข้อสุดท้าย หากเรารู้และเข้าใจความต้องการของตัวเราเองแล้วบางทีวิทยุตัวเล็กที่เปิดเพลงที่เราชอบก็สามารถจะมอบความสุขให้เราได้"มากกว่า"ที่ได้ฟังเพลงแจ๊สจากชุดเครื่องเสียงราคา 5 ล้านบาทโดยที่ตัวเรานั้นไม่ได้ชอบเพลงแจ๊สเลยแม้แต่น้อย... หาความต้องการของเราให้เจอครับว่าเราฟังเพลงเพื่ออะไร เหตุผลของแต่ละคนไม่เหมือนกันและต่างก็ถูกด้วยกันทั้งนั้นขึ้นอยู่กับว่าเป็นเหตุผลของใคร ไม่ว่าจะเป็นการฟังเพ่ือผ่อนคลาย ฟังเอามันส์ ฟังเพื่อพิเคราะห์ดูความแตกต่างของอุปกรณ์หรือแม้แต่ฟังเพื่อเอาไปแกะเพลงไว้เล่นให้แฟนสาวฟังตอนที่เธองอนไม่ยอมออกไปเที่ยวกับเรา

แต่ยังไงก็ตามขอให้มีความสุขในการฟังเพลงในชุดอุปกรณ์ของเราที่ซื้อหามาโดยไม่เบียดเบียนตัวเองและผู้อื่นครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาพเศรษฐกิจแบบที่เป็นอยู่ทุกวันนี้โอกาสที่เราจะเบียดเบียนตนเองโดยจ่ายเงินออกไปมากกว่ารายได้ที่รับเข้ามานั้นเป็นไปได้สูงมาก ดังนั้นใช้จ่ายให้"พอดี"กับรายรับของเราและที่สำคัญที่สุดคือคิดให้มากก่อนจะจ่ายเงินออกไปครับผม

System ที่ใช้ทดสอบ:
หูฟัง: STAX SR-007 MK2 mod, STAX SR-007 MKI, STAX SR-007
Sources: C.E.C. TL 51XR, Mac mini, t.c. electronic konnekt 8
DAC: Bel Canto e.One DAC3, WEISS MINERVA, OMZ DAC
สายสัญญาณ: Cardas Golden Reference RCA(รุ่นเก่าท่อหดเทา), Cardas Golden Reference XLR(รุ่นใหม่ท่อหดดำ), Oritek X2 interconnect, X1 Digital, Crytal cable Crytalfire
สายไฟ: furutech Alpha 3
เครื่องกรองไฟ: Pure Sine 1000 Max



Specification:
Output Voltage: 1300 Vpp*
Bandwidth within 3db: 5- 40.000 hz
THD ( out 100Vpp:) 0.09%
Input Impedance: 47 KOhm
Amplification Class: Always A-Class Push Pull
Negative Feed-Back: Zero
Bias (standard): 580 V
Bias (custom):any - on request from 400 to 850 **ใช้กับหู Electroสติแตกรุ่นไหนก็ได้ที่มีในโลก**
Headphone Plug: STAX Pro (HE90 on request)
ขนาด (cm)/น้ำหนัก (Kg): 35x35x12/18Kg

จากที่ผมเคยรีวิว RudiStor EGMONT Classic MkII ไปเมื่อครั้งก่อนทำให้สงสัยอยู่ว่าตัว Top of the line ของสายการผลิต Electrostatics driver ที่ RudiStor ทำออกมาจะให้เสียงออกมาได้ดีเพียงใด สาเหตุก็เพราะว่าราคาค่าตัวของ CORIOLAN 2 นั้นซื้อ Egmont Classic ได้เกือบ 5 ตัวเลยทีเดียว ก็ได้แต่แอบเก็บความสงสัยนี้ไว้ในใจเงียบๆเพราะเกรงใจอาเสี่ยใจดีเจ้าของ CORIOLAN 2 เนื่องจากว่าผมขอยืมอุปกรณ์หลายๆชิ้นของท่านมาลองฟังอยู่เรื่อยแม้แต่ตัว Egmont Classic นี้ผมก็รบกวนท่านติดต่อซื้อให้อีกเช่นเดียวกัน ขอบคุณมากครับที่ทำให้ผมได้หมดความสงสัยในวันนี้



รูปลักษณ์การออกแบบ: ขนาดและความกว้างของ CORIOLAN2 นั้นมากกว่า EGMONT พอสมควรดังรูปและก็หนักกว่าสองเท่านิดๆตอนที่อยู่บนชั้นวางแล้วดูแน่นหนาอลังการมาก อุปกรณ์ที่ใช้ประกอบเป็นตัวถังเป็นชนิดเดียวกันที่ใช้กับ EGMONT Classic ครับ CORIOLAN รับ input ได้สองแบบทั้ง RCA และ Balanced ตรงนี้แหละที่เป็นข้อได้เปรียบอย่างเห็นได้ชัดแม้ไม่ต้องฟังเสียงก็พอบอกได้เลยว่าเหนือกว่า มีมาตรวัด Voltage ให้เช็คว่าเกิดปัญหาอะไรกับหลอดที่ใช้หรือไม่ติดมาด้วยถือว่าออกแบบได้รอบคอบพอสมควรเลยทีเดียว

ความประทับใจแรก: เสียงนุ่มมากกว่า Egmont Classic คุมจังหวะได้แม่นมาก ไดนามิกดี เบสกระชับเก็บตัวเร็ว รายละเอียดชั้นเทพเรียกพี่

รายละเอียด: จุดเด่นของแอมป์ละหูแบบนี้อยู่ที่ความสะอาดของเสียงจึงทำให้เก็บรายละเอียดได้อย่างครบถ้วนเหมาะสำหรับเอามาใช้ใน Studio เป็นอย่างยิ่ง ผมลองเอาเพลงหลายๆแนวมาเปิดตั้งแต่ Classic, Jazz, POP, Live Concert, Rockสารพัดแบบแม้แต่เพลงไทยเดิมก็พบว่า CORIOLAN ให้รายละเอียดได้ดีมากๆ สัญญาณกวนไม่มีให้ได้ยินเลยดังนั้นไม่ว่าจะเป็นเสียงหายใจของนักร้อง ระลอกของเสียงที่ปล่อยผ่านการควบคุมกระบังลมของนักร้องออกมาซึ่งในบางเพลงไม่เคยได้ยินมาก่อนแม้จะฟังมาหลายต่อหลายรอบแล้วก็ตามทำให้รับรู้ได้เลยครับว่าอารมณ์ของนักร้องบนเวทีเริ่มที่ได้แล้ว ส่วนเสียงเครื่องดนตรีชิ้นเล็กชิ้นน้อยหรือว่าเสียงนิ้วที่ไล่กดบนแป้นคีย์ต่างๆไม่ต้องพูดถึงครับได้ยินได้ครบถ้วนไม่มีตกหล่น ที่สำคัญแม้ว่าจะชัดเจนแต่ก็มีความหนักเบาพริ้วไหวอยู่ในที

ความเป็นดนตรี: สำหรับเรื่องนี้อยากจะบอกว่าสำคัญมากครับสำหรับการฟังเพลงเพราะว่าหากฟังเพลงแล้วไม่เสพดนตรีจะฟังไปทำไม ผมเองขอบอกตามตรงว่าเมื่อก่อนแม้จะเปิดเพลงฟังแต่ว่าเอาเข้าจริงกลายเป็นฟังเครื่องไปซะนี่ ทำซะจนติดเป็นนิสัยยิ่งฟังก็ยิ่งเครียดจากนั้นก็ต้องมาถามตัวเองว่าจะฟังแบบนี้ไปทำไมเนี่ย แต่ข้อดีของมันก็พอมีอยู่นิดนึงก็คือว่าทำให้เรารู้และเข้าใจเครื่องและชุดของเราได้มากกว่าเดิม ถ้ามีอะไรเปลี่ยนแปลงหรือผิดปกติก็สามารถจะแก้ไขได้ในทันที

การเสพงานดนตรีดีๆไม่จำเป็นว่าเสียงที่ได้ยินจะต้องถูกต้องเสมอไปครับเพราะเราไม่ใช่ Sound Engineer หรือ Mix-Downs guy ใน Studio ดังนั้นฟังเพลงให้เพลินสบายใจกว่าเยอะ สำหรับ CORIOLAN นี่สามารถจะให้ความเพลิดเพลินในการเสพงานดนตรีดีๆพร้อมกับให้เสียงที่ถูกต้องด้วยไปในขณะเดียวกัน ทำให้ผมฟังติดต่อกันกว่า 8 ชั่วโมงโดยไม่ล้าหูหรือเบื่อเลย และที่ดีกว่า Egmont Classic อีกอย่างก็คือ CORIOLAN ฟังเพลงได้หลากแนวมากกว่าเนื่องจากมีการพัฒนามาจากแอมป์รุ่นก่อนหน้ามาพอสมควร การที่เพิ่มหม้อแปลงตัวเล็กที่ออกแบบมาเพื่อ RudiStor โดยเฉพาะที่ใช้ในการเพิ่มแรงดันให้กับหลอดเพิ่มขึ้นทำให้กำลังมีเหลือเฟือในการขับด้วยเหตุนี้เลยทำให้ไม่เลือกแนวเพลงที่จะเล่น



เสียงกลาง: เนื้อเสียงกลางของ CORIOLAN มีมากกว่า Egmont อยู่นิดหน่อยพอฟังเพลงร้องเลยรู้สึกว่านุ่มนวลและรื่นไหลมากกว่า ความต่อเนื่องของช่วงความถี่ต่ำผ่านย่านเสียงกลางขึ้นไปสูงเลยค่อนข้างดี

เสียงสูง: ละเอียดรื่นไหลไม่ roll off ก่อนที่ควรจะเป็น ปลายเสียงแหลมไม่ห้วนลากได้ยาวกว่า Egmont และช่วยเกลาปลายเสียงแหลมที่่ค่อนข้างคมไปนิดของ Minerva ลงไปได้ แหลมไม่ฉูดฉาดแต่ก็ไม่น้อยจนเกินไป เสียงของเครื่องเคาะโลหะมีความสมจริงมากครับโดยเฉพาะ resonant ปลายเสียงนี่สุดยอด หากให้เปรียบเทียบเสียงแหลมของ CORIOLAN กับ Egmont ก็คงจะประมาณฟองเบียร์เทียบกับฟองโค้ก คืออย่างแรกจะนุ่มนวลและละเอียดมากกว่าในตอนแตกตัวประกายปลายเสียงแหลมของ CORIOLAN ก็คล้ายๆแบบนั้น

เวทีเสียง ตำแหน่ง มิติและบรรยากาศ: เวทีเสียงไม่กว้างมากนักแต่ว่าก็ดีกว่าแอมป์ Electrostatic และแอมป์หูฟังตัวอื่นๆที่ผมเคยฟังมาทั้งหมดครับแม้แต่ Rudistor RP010B ก็สู้ไม่ได้ ตำแหน่งของเครื่องดนตรีแม่นมาก การแยกช่องสัญญาณซ้ายขวาทำได้ขาดและมีความต่อเนื่องในการโยนเสียงระหว่างช่องสัญญาณซ้ายขวาดีมาก อากาศรอบตัวโน้ตมีเหลือเฟือ บรรยากาศรายรอบนี่บอกไม่ถูกครับคนที่เคยลอง Egmont จะพอบอกได้ครับว่าเสียงของมันสดมากๆแต่ว่าตัวนี้ดีกว่าพอสมควรผมฟังแผ่น The Weavers Reunion in Carnegies hall 1963 ได้อารมณ์มากครับ เสียงก้องสะท้อนของ Hall สมจริงเหมือนได้ไปฟังอยู่ตรงนั้นเพราะว่าเสียงอยู่รอบหัวของเราเลยเหมือนไม่ได้ใส่หูฟัง

เสียงต่ำ: เสียงต่ำของ CORIOLAN กระชับเก็บตัวเร็วแต่ว่าลงได้ลึก เสียงกระเดื่องสมจริงดีสามารถรับรู้ถึงความสั่นกระเพื่อมของหนังกลองได้อย่างชัดเจน เสียงเบสกีตาร์สะอาดและมีไดนามิกทำให้เสียงต่ำของ Egmont หนืดไปเลยเหมือนกัน พอลองเอาเพลงเก่งคือ Why so serious? และแผ่น Persuasive percussion มาฟังแล้วรู้เลยครับว่าเสียงต่ำแบบมีรายละเอียดดีๆเป็นยังไง

สรุป: คุณคิมถามผมว่า "ฟังแล้วรู้สึกยังไงบ้าง?" ผมก็ตอบไปสั้นๆแต่จริงใจโดยที่ไม่ต้องคิดเลยครับว่า "แจ๋วครับ" แต่ผมคิดว่าคุณคิมคงอยากจะรู้มากกว่าคำตอบที่ผมให้ไป ก็อยากจะบอกว่า Sound Signature ของ CORIOLAN มาทางเดียวกับ Egmont Classic ไม่มีผิดเพี้ยนขอบอกว่า Rudi ออกแบบแอมป์ได้เยี่ยมจริงๆแม้ว่า Egmont จะเป็นแอมป์รุ่นเล็กที่โลกลืมไปแล้วแต่ก็ยังมี Sound sig ที่เหมือนกันแอมป์รุ่นใหม่ที่ต่างกันก็ตรงที่ว่าพอฟังแล้ว feel มันผิดกัน แม้ว่าในเรื่องอื่นๆ CORIOLAN จะดีกว่า Egmont classic ไม่มากนักแต่ผมสามารถจะ"สัมผัส"กับเพลงได้มากกว่าเมื่อฟังผ่่่าน CORIOLAN และนี่คือข้อแตกต่างที่ผมรู้สึกเมื่อฟังชุดเครื่องเสียง hi-end เทียบกับชุดบ้านๆที่ผมเคยมี

จากประสบการณ์ของผมที่ผ่านมาชุดเครื่องเสียง hi-end ราคาคอดเทพชนะชุดแบบบ้านๆของเราตรงที่"ความรู้สึกสัมผัสได้ถึงดนตรี" แต่ว่าถ้าเรา"สัมผัส"กับดนตรีได้ในขณะฟังเพลงจากชุดเครื่องเสียงบ้านๆที่เรามีอยู่แล้วก็.. ขอให้รู้เถอะครับว่า"คุณไม่ต้องการอะไรไปมากกว่านี้หรอก" เพราะว่าบางทีคนที่มีชุดเครื่องเสียงราคาเท่าบ้านเราอาจจะไม่เคยได้สัมผัสความรู้สึกตรงนี้เลยก็เป็นได้



ข้อคิดส่งท้าย: สองสามอาทิตย์ที่ผ่านมานี้ผมได้มีโอกาสขึ้นไปทำงานอยู่บนดอยซึ่งก็ไม่มีอุปกรณ์อะไรติดตัวไปมากมาย ที่หิ้วไปก็มีแค่ notebook ตัวเล็กๆตัวนึงกับ iPod+UE11 บรรยากาศข้างบนโน้นดีมากครับมีลมพัดให้ฟัง มีน้ำไหลให้ได้ยิน มีนกร้องให้ได้เดินตามไปดูว่าเป็นนกอะไร มีภูเขาแห้งๆให้ดูแนวไฟไหม้ในตอนกลางคืนและก็มีเสียงหรีดหริ่งร้องระงมในตอนดึกๆ เชื่อหรือเปล่าว่าผมแทบไม่ได้แตะ iPod เลยเพราะเสียงธรรมชาติเหล่านั้นมันกล่อมให้สบายใจหลับตานอนได้อย่างไม่มีกังวล ตื่นขึ้นมาก็สดชื่นแม้ว่าบางคืนจะนอนดึกก็ตาม เลยมานั่งนึกในใจว่า "จริงๆคนเราก็ไม่ได้ต้องการอะไรมากมายไปกว่าอารมณ์สบายระหว่างวัน...ที่ทำให้สุขใจไปได้ตลอดสัปดาห์..."

ขอให้มีความสุขกับการฟังเพลงครับ Rolling Eyes

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ผู้ติดตาม