วันอังคารที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

[เล่าสู่กันฟัง]อีติ๋มตายแน่

ผู้กำกับ: ยุทธเลิศ สิปปภาค
บท: อุดม แต้พานิช
นักแสดง: อุดม แต้พานิช, คริส หอวัง, อาซึกะ, เหมี่ยว ปะวันรัตน์, ชาติชาย งามสรรพ์, บอม สินเจริญ

เห็นกระทู้ในห้องเงียบๆขอปั่นหน่อยละกันครับ ผมพึ่งได้มีโอกาสได้ดูภาพยนตร์ของต้อมยุทธเลิศเรื่องล่าสุดนี้ในรูปแบบของ DVD ก็เลยอยากมาบอกเล่าเก้าสิบให้กับคนที่ยังไม่ได้ดูได้รับรู้ถึงเรื่องราวคร่าวๆของหนังไทยเรื่องนี้ซึ่งก็ขอออกตัวก่อนว่าไม่ใช่แฟนหนังไทยตัวยงแต่ว่าก็ดูบ้างหากคิดว่าหนังเรื่องนั้นๆน่าจะดี ที่ได้ดูบ่อยๆและรู้สึกประทับใจกับหนังไทยในยุคหลังๆก็หนังของค่าย GTH ซะเป็นส่วนใหญ่เนื่องจากเป็นหนึ่งในกลุ่มเป้าหมายของค่ายคือกลุ่มวัยรุ่นไปจนถึงวัยทำงาน สำหรับเรื่องนี้เป็นของค่ายสหมงคลฟิล์มอินเตอร์เนชั่นแนลซึ่งก็ทำหนังออกมาได้สมำ่เสมอมากในแต่ละปีก็จะมีหนังออกมาให้ดูหลายต่อหลายเรื่องบางเรื่องก็ถูกใจผมอยู่พอสมควรเหมือนกันแต่ว่าคงจะไม่ถูกใจคนดูส่วนใหญ่บ้างทำให้บางทีรายได้ของหนังเรื่องที่ผมชอบอาจจะไม่ค่อยดีมากนัก

สำหรับเรื่องอีติ๋มตายแน่นี้เป็นอีกเร่ืองที่ผมประทับใจเพราะว่าโดยส่วนตัวชอบงานของยุทธเลิศเป็นทุนเดิมอยู่บ้างแล้วไล่มาตั้งแต่บุปผาราตรีและอีกหลายๆเรื่องเพราะว่าเค้ามีมุมมองไม่ค่อยจะเหมือนใครในการนำเสนอภาพของสังคมไทยออกมาบนแผ่นฟิลม์และก็มีเอกลักษณ์ประจำตัวในงานศิลป์ของเรื่องผ่านมุมกล้องออกมาทำให้ดูแล้วก็แบบว่า "เฮ้ย! นี่หนังยุทธเลิศนี่" ภาพของหนังของยุทธเลิศจะดีเป็นฉากๆและหลายฉากก็จะทำออกมาแบบว่าได้อารมณ์ดิบๆดีซึ่งผมชอบนะ ในเรื่องอีติ๋มตายแน่นี้ยุทธเลิศเค้านำเสนอพัทยาออกมาได้ค่อนข้างดีคือว่าดูแล้วได้อารมณ์พัทยาคือได้อารมณ์สนุกแบบไม่เป็นทางการมากนัก ออกแนวดาร์คและก็มีความหลากหลายที่น่าสนใจลึกๆอยู่ในตัวของมันเอง การนำเสนอในส่วนของงานศิลป์นี่ได้ใจผมมากครับสำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้



บทซึ่งเขียนโดยเดี่ยวไมโครโฟนมือหนึ่งของไทยเราก็เข้ากันได้ดีกับบุคลิกของหนังแบบยุทธเลิศ มีประชดประชันเสียดสีสังคมแบบคันๆพองามไม่กะจะเอาเป็นเอาตายกับใครแม้ว่าอาจจะตลกไม่ถึงขีดที่ผมหวังไว้แต่ก็พอรับได้ครับกับส่วนผสมที่พอดีของความสนุกและเนื้อหาที่คุณอุดมต้องการให้เราได้รับรู้ถึงวิถีชิวิตแบบ Pattaya's way ที่ว่าทุกคนต้องดิ้นรนปากกัดเท้าถีบทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองอยู่รอดให้ได้ในสังคมที่เป็นเหมือน"จรเข้"คือพร้อมจะแหลกทุกอย่างที่ขวางหน้า เหตุหนึ่งก็อาจจะเป็นเพราะว่าคุณอุดมพึ่งผ่านการทุ่มแสดงเดี่ยว ๗ ไปไม่นานมุกส่วนใหญ่ที่คิดได้ในช่วงที่ผ่านมาก็คงจะเอาไปลงกับเดี่ยว ๗ หมดแล้ว จากที่ได้ติดตามมาทุกเดี่ยวผมว่าเดี่ยว ๗ ที่ผ่านมานี้เป็นเดี่ยวที่ Mature มากกว่าทุกครั้งและมีเนื้อหาที่ค่อนข้างจริงจังมากกว่าทุกทีก็เลยมีกลิ่นอายแบบนี้ติดมากับบทหนังเรื่องนี้อยู่มากเหมือนกัน อุดมได้เอาเรื่องราวการทำมาหากินในพัทยามาเล่าในแบบเบาๆซึ่งในความเป็นจริงแล้วสำหรับทุกองก์ของเรื่องอีติ๋มตายแน่นี้ไม่มีเบาเลยครับ

การแสดงของนักแสดงทุกคนเล่นกันได้ดีมากดูเป็นธรรมชาติและเกินธรรมชาติได้เป็นธรรมชาติดี เอ๊ะยังไง ก็คือว่าหนังแบบนี้มันต้องโอเว่อร์แอ็คไว้ก่อนและนักแสดงแต่ละคนก็โอเว่อร์แอ็คได้พอดีไม่มากไม่น้อยเกินไป บทจะต้องเล่นโอเว่อร์ก็เว่อร์ได้ใจบทจะรับส่งอารมณ์แบบแรงๆกันก็ทำได้สมจริงจนทำเอาคนดูอินได้ไม่ยากเช่นฉากที่น้องติ๋มเข้ามาขอโทษตึ๋งนั้นนักแสดงส่งอารมณ์กันได้ดีครับทั้งอุดมและก็อาซึกะ ทั้งคู่แสดงออกมาทั้งทางสีหน้าและแววตาจนทำให้เชื่อได้สนิทใจเลยว่าน้องติ๋ม(อาซึกะ)ของเราสำนึกผิดจริงๆจนถึงกับต้องเดินเข้ามาขอโทษตึ๋ง(อุดม)ในห้องพักนักกีฬาและตึ๋งก็ให้อภัยกับน้องติ๋มด้วยใจจริง(ใครจะไม่ให้อภัยบ้างล่ะเนอะ ออกจะน่ารักและ..ปานนั้น) สำหรับฉากนี้ต้องชมอุดมครับที่ได้ข่าวว่าพยายามช่วยอธิบายให้นักแสดงสาวชาวญี่ปุ่นได้เข้าใจอารมณ์ของบทในตอนนั้นแบบละเอียดทุกเม็ดไม่มีขาดตกบกพร่องกันเลยทีเดียว สำหรับคริสหอวังนั้นเล่นได้น่ารักน่ากัดคอเป็นอย่างยิ่งคนอะไรเล่นเป็นชาวเขาได้ดูดีมากๆ อีกคนที่อยากจะชมคือบอมสินเจริญที่เล่นได้เกินธรรมชาติได้เป็นธรรมชาติดีครับคือดูเป็นคนดีซ้าจนน่าเตะ ส่วนเจ้เหมี่ยวก็ไม่ต้องพูดถึงครับเล่นได้ดีมีมาตรฐานเหมือนเดิม



สรุป: ตอนจะเริ่มดูเรืองนี้ก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะต้องได้อะไรมากไปกว่าความสนุกผ่อนคลายอารมณ์ซึ่งยุทธเลิศและอุดมก็ไม่ทำให้ผิดหวังเลยครับหนังไม่ยาวไม่สั้นจนเกินไปและสะท้อนวิถีชีวิตในแบบชาวพัทยาได้ชัดเจนดี การแสดงของนักแสดงถือว่าดีทุกคนเลยครับอาจจะมีติดๆขัดๆตรงบทหน่อยแต่ก็เข้าใจคนเขียนบทคืออุดมเพราะว่าพึ่งผ่านการเค้นความคิดแบบโหดๆจากงานเเดี่ยวที่ผ่านมาแต่ก็สามารถเขียนบทออกมาได้ขนาดนี้ต้องขอยกนิ้วให้ครับ หนังแบ่งเป็นสามช่วงได้อย่างชัดเจนดีคือปูพื้น,เล่าเนื้อหาหลักและก็สรุปได้อย่างลงตัว เรื่องของเพลงประกอบก็เลือกเฟ้นหามาเป็นอย่างดีเข้ากับเนื้อเรื่องและช่วยเสริมอารมณ์ให้กับหนังในช่วงนั้นเป็นอย่างดีอีกด้วย โดยเฉพาะเพลงซึบารุที่หากผมฟังไม่ผิดก็คงเป็นพี่น้องสินเจริญนั่นเองที่ร้องหากฟังผิดก็ขออภัยและอีกเพลงก็คือเพลงอมตะของสายันต์ สัญญาคือเพลง "รักติ๋มคนเดียว"ที่ขึ้นมาตอนที่อุดมพระเอกของเราต้องการกำลังใจเป็นอย่างยิ่งก่อนจะขึ้นชกนัดสำคัญที่สุดในชีวิต(ในภาพยนตร์)
สำหรับข้อคิดที่ผมได้ก็คือว่าเป็นสิ่งที่ดีครับที่เราต้องมีฮีโร่ในดวงใจเพื่อเป็นแรงกระตุ้นขับเคลื่อนให้เราสามารถพัฒนาชีวิตได้ดีกว่าที่เราเป็นและจะได้เป็นการวางแผนชีวิตในเบื้องต้นด้วย แต่ว่าก็ต้องเลือกฮีโร่ให้เป็นคือเลือกคนที่ดีและพยายามจะจับถูกคนๆนั้นให้ได้สกัดหาข้อดีของเค้าออกมา ให้มองข้ามเรื่องข้อบกพร่องของเค้าไปก่อนแต่ว่าห้ามมองข้ามข้อบกพร่องของตัวเองมิฉะนั้นเราจะดีกว่าที่เราเป็นอยู่ไม่ได้ ส่วนในเรื่องของความรักซึ่งคนเรามักจะมองข้ามคนที่รักเราไปหาคนที่เราคิดจะรักอยู่เสมอโดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณพ่อคุณแม่ของเราเองที่เป็นผู้ให้ความรักที่ยิ่งใหญ่อันไม่มีเงื่อนไขใดๆทั้งสิ้น รักท่านให้มากครับรักท่านทุกวันไม่เพียงแค่จะนึกถึงท่านเฉพาะวันพ่อวันแม่หรือในวันแห่งความรักเท่านั้น อย่าให้ต้องกลับมานั่งคำนึงนึกถึงสิ่งมีค่าที่อยู่ใกล้ตัวในวันที่เสียมันไปเลย

ขอให้มีความสุขกับการดูหนังและฟังเพลงครับ Rolling Eyes

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ผู้ติดตาม