วันอังคารที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

H A N C O C K ฮีโร่ชั้นเทพ(หรือเปล่า)



สองสามเดือนมานี้มีหนัง Superhero มาให้เราได้ดูกันสองสามเรื่องติดต่อกันเพราะว่าเป็นช่วงของเทศกาลหนัง Summer ตามสถิติแล้วจะเป็นช่วงที่คนในอเมริกาดูหนังกันมากที่สุดโดยเฉพาะวันในหยุดสำคัญอย่างเช่น Independenceday วันประกาศอิสรภาพของเมกาในวันที่ 4 กรกฎาคมที่ถึงกับมีการเอามาตั้งเป็นชื่อหนังสุดฮิตตลอดกาล ID4 อีกด้วยซึ่งก็มีพระเอกหนุ่มผิวใสกิ๊ง Will smith เล่นเป็นหนึ่งในตัวเอกของเรื่อง
ในปีนี้อีกเช่นกันมีการเปิดตัวหนัง Superhero ที่ชื่อว่า Hancock จะด้วยบังเอิญหรือไม่ก็ตามก็มี Will smith เล่นเป็นตัวนำอีกครั้งแถมชื่อพระเอกในเรื่องก็คือ John Hancock ผู้ที่ลงนามประกาศอิสรภาพให้กับประเทศอเมริกาในวันที่ 4 กรกฎาคมปี 1776 ฝ่ายการตลาดก็ช่างสรรหาเสียจริงเลือกทั้งชื่อเรื่องเลือกทั้งเวลาเปิดตัว ไม่ธรรมดานับถือๆ แถมเลือกเรทให้เป็น PG-13 อีกต่างหากผู้ปกครองต้องเป็นคนพาเด็กไปดูด้วย ผมว่าถูกต้องมากครับที่ทำแบบนั้นเพราะหลายฉากต้องการคำอธิบายจากผู้ปกครองให้แก่เด็ก ถือว่ายิงนกทีเดียวได้ทั้งครอบครัว แน่จริงๆ หุหุหุ



หนังเปิดเรื่องด้วยการไล่ล่าบน Freeway 110 กลางเมืองแอลเอเพื่อปูพื้นตัวละครให้ผู้ชมได้ทราบถึงบุคลิกภาพส่วนตัวของพระเอกซึ่งที่ทำได้ค่อนข้างกระชับและอธิบายความเป็น Hancock ฮีโร่ที่แหวกแนวฮีโร่คนอื่นได้เป็นอย่างดี จากนั้นก็เดินเรื่องไปเรื่อยๆ มีฉาก action โผล่มาเป็นระยะ มีการใส่บทพูดขำๆ ออกมาเพียบในช่วงแรกของหนัง แอบเนือยในช่วงกลางเรื่องแล้วก็กลับไปสรุปท้ายให้กับหนังได้ค่อนข้างดี แต่ผมว่าผู้กำกับและคนเขียนบทพยายามมากไปนิดที่ใส่ความลึกให้กับตัวละครโดยให้เล่นกับอารมณ์หลายๆ แบบ สำหรับหนัง Superhero นั้นการเล่นกับอารมณ์หลากหลายเช่นนี้ผมว่าไม่ค่อยจำเป็นเท่าไหร่เพราะคนที่เข้าไปดูคงคาดหวังว่าจะได้เจอฉาก Action มันส์ๆ มีฉากพังบ้านเมืองกันให้ถล่มทลายให้ดูตามแบบฉบับของหนังแนวนี้ที่ทำมาก่อนหน้าแต่ยกเว้น HULK ภาคแรกที่พี่อังลีกำกับไว้เรื่องนึง เพราะว่าเรื่องนั้นกลายเป็นหนัง Drama นำเสนออัตชีวประวัติของ Bruce banner และ The Hulk ไปเลย แต่ผมชอบนะถือว่ากล้าดีแถมมีเล่นมุมกล้องแบบอ่านการ์ตูนอยู่อีกต่างหาก หุหุหุ Very Happy

Hancock เป็นฮีโร่นอกคอกก็ว่าได้เพราะแกเล่นแหวกกฎของการเป็นฮีโร่ทิ้งซะเกือบหมดคือทั้งติดเหล้า ไม่คำนึงถึงความเดือดร้อนของคนอื่น สนใจแต่ตัวเอง พูดคำสบถคำตามด้วยเด็กๆ และชาวบ้านชาวเมืองก็ไม่ค่อยปลื้มแถมออกจะเกลียดแกอีกซะด้วยซ้ำไปตรงนี้แหละครับน่าสนใจดี ผมว่าตาวิลแกเท่ห์ดีครับ



ในความรู้สึกของผม Hancock เหมือนกันโฆษณายาวๆ เรื่องนึงเพื่อนำเสนอวิถีชิวิตของความเป็นอเมริกันชนเแบบเต็มๆ มีการอัดสินค้าของเมกาเข้าไปเพียบ เลือกออกโรงฉายในช่วงวันหยุดวันชาติอีกต่างหาก แถมชื่อเรื่องก็เป็นชื่อของคนที่ลงนามประกาศอิสภาพด้วย อีกอย่างเศรษฐกิจไอ้กันค่อนข้างแย่เลยต้องกระตุ้นให้ใช้สินค้าของตัวเองหน่อยเพราะถูกสินค้าของอาหมวยพี่ยุ่นน้องแดจังกึมเข้าไปตีตลาดซะเยอะเงินเลยไหลออกประเทศเป็นจำนวนมหาศาล อุ้ย ขอโทษครับลืมตัว รีวิวหนังจะกลายเป็นวิเคราะห์เศรษฐกิจไปซะแล้ว หุหุหุ

ประเด็นที่เค้านำเสนอค่อนข้างชัดในเรื่องของความเป็นอเมริกัน หนังเริ่มจากแอลเอเมืองทางฝั่งตะวันตกที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมมากที่เมื่อก่อนภาพที่คุ้นตาในเมืองแอลเอก็คือมี homeless แบบที่พระเอกของเราเป็นในช่วงแรกของเรื่องเดินเพ่นพ่านอยู่เต็มไปหมดปัจจุบันได้ถูกเคลียร์ไปเรียบร้อยแล้ว homeless เป็นกลุ่มบุคคลที่สังคมรังเกียจที่ถูกมองว่าคิดเอาแต่ได้ ขี้เกียจไม่ยอมทำอะไรอาศัยตั๋วแลกอาหารจากรัฐฯ ที่เอาเงินภาษีมาจ่ายให้ อาศัยอยู่ในรถ Mobile home โทรมๆไปวันๆเพราะหากซื้อบ้านรัฐจะตัดเงิน ไม่ยอมทำมาหากินอะไรเลย สภาพของพระเอกในช่วงแรกในหนังก็เป็นแบบนั้นแถมไม่สนใจด้วยว่าผลของสิ่งที่ตัวเองทำจะเดือดร้อนคนอื่นยังไง เช่นเข้าไปช่วยคนแล้วทำให้ตึกรามบ้านช่องรถราพังหมดแถมมีด่าคนที่ไม่พอใจกลับอีกต่างหาก แต่พอเจอคนที่เห็นคุณค่าของตัวเค้า คนที่เชื่อมั่นว่าเค้าสามารถเป็นได้มากกว่าที่เป็นอยู่ ให้รู้จักรับผิดชอบต่อผู้อื่น ชมผู้อื่นทุกครั้งหากเค้าทำความดี คนแบบตัวละครของ Jason Bateman ที่แสดงเป็น Ray นักประชาสัมพันธ์มือเยี่ยม(หรือเปล่าหว่า)ได้ค่อยๆ เปลี่ยนความคิดของตัว Hancock จนกลายเป็นคนใหม่ที่ดีกว่าเดิมในที่สุด สุดท้ายหนังของเราก็ไปจบลงที่ NYC นิวยอร์คซิตี้ที่เป็นเมืองเศรษฐกิจทางฝั่งตะวันออกของประเทศครบสมบูรณ์ทั้งสองฟากฝั่ง หุหุหุ

ตาวิลก็รักษามาตรฐานกวนโอ๊ยได้ดีแต่พอจะต้องมาเป็นฮีโร่แบบเต็มตัวแกก็ทำได้แจ๋ว วิลเป็นดาราคนนึงที่เล่นบทได้หลากหลายมากแถมเลือกบทที่จะเล่นเก่งอีกต่างหาก ส่วนตัวละครอื่นๆ เช่นสาวชาวแอฟริกาใต้ Charlize Theron ที่สวยไม่สร่างและเล่นได้สมกับเป็นดาราที่มีรางวัล Oscar ประกันคุณภาพ ตัวประกอบทุกตัวก็เล่นได้ดีครับหลายๆ ตัวแสดงได้น่ารักน่าชังอยากรู้ว่าเป็นไงลองไปดูเองละกัน



สรุป: Hancock เป็นหนัง Superhero ที่แปลกจากเรื่องอื่นพอสมควรฉาก action ที่มีอยู่ก็ลงตัวดีแต่ก็ไม่ได้แปลกใหม่อะไรมากมายเพราะว่าเดี๋ยวนี้หนังแนวนี้ที่ใช้ CG แบบเจ๋งๆ ก็มีออกมาเยอะ ที่ผมดูแล้วประทับใจจากเรื่องนี้ก็คือการพัฒนาตัวละครที่ทำได้ค่อนข้างดีนะหากไม่ใช่หนัง Superhero แต่เปลี่ยนเป็นหนัง Drama แทนละก็มีสิทธิ์ลุ้น Oscar เลยหละเป็นเล่นไปเพราะมีอะไรให้เล่นเยอะแต่ว่าไม่เอามาเล่นซะงั้น พอดูจบแล้วก็ให้ความหวังว่าเราสามารถจะเป็นไปได้มากกว่าที่เราเป็นอยู่หากรู้จักเสียสละและนี่คือสิ่งที่รัฐบาลอเมริกันกำลังต้องการจากประชาชนของเค้ามากในตอนนี้ สัญลักษณ์ของ Hancock ก็คือนกอินทรีหัวล้านซึ่งก็คือสัญลักษณ์ของประเทศอเมริกานั่นเองที่อยู่ทั้งบนหมวกไหมพรมและบนชุดของ Hancock แถมมีนกตัวเป็นๆ ให้ดูในฉากจบอีกจนผมรู้สึกเหมือนว่าดูมังกรหยกอยู่ จงใจใส่เข้าไปซะจริงๆ คนเรา

Hancock ไปไม่สุดในทั้งสองด้านที่ผมได้บอกไว้คือทั้งเรื่องของฉาก Action และ Drama ตามที่ควรจะเป็นแต่ไม่ใช่ว่าหนังไม่ดีนะครับผมชอบมากกว่า The Incredible hulk ซะอีกแต่ว่าสองแนวที่มีอยู่ในเรื่องมันออกจะขัดๆ ไปกันนิดนึงเลยทำให้ภาพรวมๆ ออกมาไม่ค่อยจะดีนัก ดูแก้เบื่อพอได้ครับ หุหุหุ - -'

Good job Hancock!

ขอให้มีความสุขกับการดูหนังและฟังเพลงครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ผู้ติดตาม