วันอังคารที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

[ความประทับใจ] HE5 Combo

สองสามสี่วันก่อนได้แอบแปะข้อความตัวเล็กๆ แจ้งความจำนงค์อยากจะลองฟังหูนางไม้สุดขลังที่พี่น้องหลายต่อหลายท่านบอกว่าเสียงดีมากเหมือนเอาเห็ดดีมาบวกสติแตกแถมเบสแบบแอลสามพันไว้ มาถึงวันนี้ก็ได้เอามาลองฟังสมใจอยู่หลายเพลาจึงคิดว่าน่าจะเอามาบอกเล่าเก้าสิบให้ได้อ่านกันบ้างตามประสาคนรักหูฟังด้วยกัน ขอขอบคุณพี่ใหญ่ GB มา ณ. ที่นี้ด้วยครับที่อุตส่าห์ส่งมาให้ลองทั้งๆ ที่ว่าพึ่งได้มาครอบครอง เลยถือโอกาสนำหูนางไม้นี้มาเผาให้ซะเลยเป็นการตอบแทน หุหุ

ก่อนอื่นต้องขอบอกว่านี่ไม่เชิงเป็นรีวิวนะครับเพราะว่าก็มีพี่ๆ เพื่อนๆ หลายๆ ท่านได้รีวิวไปบ้างแล้วและหลายๆ ท่านก็คงจะลองฟังด้วยตัวเองแล้วเช่นกันคงจะเป็นได้แค่ความประทับใจส่วนตัวเพียงคร่าวๆ ของผมเองเท่านั้นไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรกับใครทั้งสิ้น โดยใช้ system ดังนี้

หูฟัง: HE5, STAX OII MkII
แอมป์: EF5, Egmont Classic MkII, แอมป์ในตัวของ MetricHalo ULN2
ซีดี: C.E.C. TL51XR
DAC: bel canto DAC3
สายสัญญาณ: PAD Venustas, MIT MI330 Series Two, XLO reference3, บ่อนบ๊อนสาย Carbon Fibre จากเมืองจีน
สายไฟ: furutech alpha3, nordost vahalla(DIY)
เพลงที่ใช้ทดสอบ: สุ่มๆ เอาจาก playlist ใน iTunes ที่ใช้ฟังประจำปนๆ กันไประหว่าง Jazz, Pop, R&B, Ska, Vocal, Classical และก็ score ประกอบภาพยนตร์


ความประทับใจแรก: ใส่ได้ค่อนข้างสบายมีน้ำหนักเบาพร้อมทั้งใช้การเชื่อมต่อผ่าน jack stereo ของ neutrik ต่อกับสายสีเงินมีฉนวนใสหุ้มพร้อมเฮดแบนด์หนังที่ถือว่างานประกอบใช้ได้เลยทีเดียวคือเรียบหรูดูดีที่บางท่านอาจจะไม่ชอบแต่ผมชอบนะ เสียงที่ได้นี่ขอบอกว่าทำเอาอึ้งไปเลยเหมือนกันเพราะว่าเมื่อเทียบกับราคาที่จ่ายไปแล้วถือว่าเกินคุ้ม

เสียงแรกที่เด่นมาเลยคือเบสครับโดยล้ำออกมาเป็นพระเอกนำย่านอื่นๆ จนสะดุดหูในทันที เสียงแหลมที่ได้ฟังในทีแรกนี่แข็งมากถึงมากที่สุดเพราะว่าตอนที่ไปรับชุดคอมโบนางไม้นี้ได้ทราบว่าเผามาประมาณสี่สิบกว่าชั่วโมงดังนั้นเป็นอาการปกติของหูฟังใหม่ๆ ที่อาการเสียงแหลมแข็งคมจะมีให้ได้ยิน ย่านกลางค่อนข้างโอเคเมื่อเทียบกับย่านอื่นๆ เมื่อแรกได้ลองฟังแต่ก็ยังถือว่าไม่ดีนัก แต่ว่าของอย่างนี้จะรีบตัดสินกันไปโดยเร็วก็ไม่น่าจะถูกต้องนักเหมือนดูหนังต้องค่อยๆ ซีมซับเนื้อหาที่ดำเนินไปจนกว่าจะถึงบทสรุปในตอนจบถึงจะบอกได้ว่าหนังสนุกหรือไม่ ในกรณี้นี้ก็เช่นกันผมเลือกที่จะฟังไปเรื่อยๆ ในช่วงเบิร์นจะได้ดื่มดำ่ซึมซาบความเปลี่ยนแปลงที่มีให้ได้ยินอยู่ตลอดช่วงแรกของการเบิร์นอิน(โดยมากมักจะอยู่ตัวหลังสองร้อยชั่วโมงแต่ว่าเสียงจะไม่ค่อยเปลี่ยนแปลงมากนักหลังผ่านร้อยชั่วโมงไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ชนิดไหนก็ตาม) เพลงที่ใช้เผาก็มีทุกแนวแต่ว่าหนักไปทาง Classical มากหน่อยเพราะว่าได้ระดับไดนามิกและช่วงความถี่ที่กว้างกว่าเพลงประเภทอื่น

ในอดีตเคยเป็นเด็กแว๊นซ์อยู่ช่วงนึงสิ่งที่มักจะทำเสมอในช่วงรันอินพันกิโลแรกคือนานๆ ทีผมมักจะเร่งน้ำมันแบบสุดขีดสักทีนึงสลับกับการใช้งานปกติธรรมดาที่ใช้รอบเครื่องไม่เกินหกสิบเปอร์เซ็นต์เพราะหลังจากได้ทดสอบมากับรถหลายคันมักจะให้ผลดีหลังจากผ่านรันอินไปแล้ว คือรถที่รันอินโดยวิธีการแบบนี้จะมีอัตราเร่งที่ขึ้้นเร็วกว่ารถที่รันอินแบบเฉื่อยๆ ไปเรื่อยๆ อยู่พอสมควร ในการเบิร์นเครื่องเสียงเหมือนกันผมก็จะทำคล้ายๆ แบบที่ทำกับรถก็คือว่าเร่งดังเกินความดังที่ใช้ฟังปกติอยู่ระยะนึงสลับกับการใช้งานปกติธรรมดาอัตราส่วนอยู่ประมาณ 80-20 คือเปิดแบบปกติประมาณ 80 ชม. แล้วก็เร่งเกินปกติประมาณ 20 ชม. แต่อย่าไปซีเรียสมากไปกับเรื่องของการเบิร์นนะครับขอเพียงแต่ว่าได้เร่งให้เครื่องได้ทำงานเกินกว่าระดับปกติซักหน่อยเป็นระยะบ้างแค่นั้นเองเหมือนการนวดต้องสลับแรงค่อยกระแสเลือดจะได้หมุนเวียนไปทั่วทั้งตัว

หลังจากผ่านร้อยชั่วโมงไปแล้วพบว่าเสียงที่ออกมาเริ่มไม่ค่อยเปลี่ยนแปลงแต่ว่าก่อนที่จะนำส่งคืนพี่ Mart ไปพบว่าเสียงก็ยังมีการเปลี่ยนแปลงอยูู่บ้างเหมือนกันดังนั้นถ้าให้เดาสำหรับหูนางไม้นี้น่าจะเผาเกินสองร้อยชั่วโมงขั้นไปจึงน่าจะอยู่ตัว ข้อความหลังจากนี้ไปเป็นข้อมูลที่ฟังในช่วงหลังจากหนึ่งร้อยชั่วโมงไปแล้ว



เสียงต่ำ: ก็ยังเป็นจุดเด่นของหูฟังตัวนี้อยู่ไม่เปลี่ยนแปลง เสียงต่ำของ HE5 เร็วไดนามิกดีมากต่างกับช่วงห้าสิบชั่วโมงแรกอยู่พอสมควร ประมาณว่าเสียงต่ำในช่วงยังไม่พ้นร้อยชั่วโมงแรกแรงปะทะของเสียงเบสเหมือนเอาเสาสี่เหลี่ยมมากระแทกหู คือเบสคล้ายๆ จะเป็นแท่งคือเสียงค่อนข้างแข็งแต่พอผ่านหนึ่งร้อยชั่วโมงไปแล้วเสียงเบสนุ่มขึ้นมาคล้ายๆ จะมีมวลเพิ่มขึ้นแต่รายละเอียดของเบสยังไม่ค่อยดีนักเมื่อฟังผ่านแอมป์คู่บุญ EF5 แต่พอเปลี่ยนมาเสียบฟังกับช่องหูฟังของ audio interface MetricHalo ULN2 เสียงเบสของเค้าน่าฟังมากขึ้นเมื่อนำมาฟังเพลงร็อคทำให้รู้สึกอยากจะโยกหัวตามได้ไม่ยากแต่ถ้าสลับมาต่อกับแอมป์คู่บุญของเค้าเองปริมาณก็ไม่ได้ลดน้อยลงแต่ว่าอารมณ์ร่วมกับเสียงดนตรีมีไม่มากนักเมื่อเทียบกับต่อจาก ULN2

เสียงต่ำในช่วงลึกๆ มีให้ได้รับรู้ได้อย่างไม่ยากเพราะเสียงต่ำค่อนข้างสะอาดแต่ว่าเหมือนจะแตกปลายนิดๆ ถ้าไม่ได้ฟังแบบเพ่งจับผิดก็คงจะไม่ได้ยินสาเหตุน่าจะเป็นเพราะชนิดของหูฟังแบบแผ่นๆ ทั้งหลายด้วยส่วนหนึ่งเพราะอาการนี้มีเกิดกับ STAX อยู่เหมือนกันถ้าฟังในระดับความดังมากๆ

แผ่นที่ใช้ทดสอบคือแผ่น CD Score ประกอบภาพยนตร์ดังหลายต่อเรื่องในอัลบั้มชุด Epics ของ Erich kunzel ที่หลายๆ track ให้เสียงต่ำที่สะใจโก๋ตอนต้นและตอนปลายได้ดีมาก มีข้อสังเกตุนิดนึงเมื่อสลับกันฟังระหว่างแอมป์สองตัวคือเหมือนว่ามีอาการเบสกระพือให้ได้ยินในระดับความดังค่อนข้างสูง จึงคิดว่าสำหรับหูฟังตัวนี้น่าจะต้องการแอมป์ที่มีพละกำลังค่อนข้างเยอะถึงจะขับมันออกมาได้แบบหมดจดในระดับความดังปกติ พอได้ลองแล้วทำให้ไม่แปลกใจที่คุณอาพี่ๆ และเพื่อนๆ บางท่านได้เอาแอมป์บ้านมาลองใช้กับหูตัวนี้เพราะก็นึกในใจอยู่ว่าถ้าทำแบบนั้นน่าจะทำให้หูฟังได้แสดงฤทธิ์ออกมาได้อย่างเต็มที่หรือไม่ก็ต้องหาแอมป์ที่มีกำลังสูงๆ อย่างน้อยก็ประมาณ RudiStor RPX300 ขึ้นไปจึงน่าจะเอามันอยู่

อีกอย่างที่ทำให้คิดว่าต้องได้แอมป์แรงๆ มาขับก็เพราะว่าดูระดับที่ต้องเร่งโวลลุ่มของ ULN2 ในการฟังก็พอจะทราบโดยไม่ต้องคำนวณให้ยุ่งยากปวดหัวคือ HD800 ที่ว่าขับค่อนข้างยากใช้เร่งอยู่ประมาณสิบโมงเช้าเสียงก็ดังพอดีแต่ว่ากับน้อง HE5 นี้ต้องเร่งไปจนถึงประมาณบ่ายสองโมงถึงจะพอดีในการฟัง




เสียงกลาง: หลังจากผ่านหนึ่งร้อยชั่วโมงไปแล้วเสียงกลางของ HE5 ฟังดูธรรมชาติดีครับค่อนข้าง flat แต่ว่าไม่แห้งออกมาโทนเดียวกับเสียงกลางของ HD800 เพียงแต่ว่าถ้าจำไม่ผิด(เพราะว่าไม่ได้ฟัง HD800 มานานพอสมควรเนื่องจากจำต้องปล่อยออกไป ใครที่มีอยู่ในครอบครองทั้งสองตัวรบกวนมาช่วยเพิ่มเติมให้ด้วยก็แล้วกัน)เสียงกลางของ HD800 น่าฟังมากกว่าแต่ว่าไม่ได้ดีกว่ามากซักเท่าไหร่ เสียงเครื่องสายโดยเฉพาะประเภทที่ใช้คันสีไม่ว่าจะเป็นไวโอลินหรือว่าเชลโล่ที่ดังผ่านหูฟังนางไม้นางนี้สมจริงดีครับ ฟังแล้วนึกถึงหูฟังแบบอิเล็กทรอสติแตกขึ้นมาทันทีอารมณ์มาทางเดียวกันเลยเพียงแต่ว่า...รออ่านในช่วงท้ายก็แล้วกันนะเพราะว่าได้เอามาลองสลับ A-B test เพลงต่อเพลงกับชุดสติแตกคู่บุญอยู่นานพอสมควรเนื่องจากว่าได้ยินคนพูดถึงหูฟังนางไม้นี้เทียบกับหูฟังสติแตกอยู่บ่อยๆ จะไม่เอามาเทียบกันเลยก็กระไรอยู่

หูฟังตัวนี้ให้โทนเสียงค่อนข้างสว่างอยู่พอสมควรเมื่อเอามาฟังเพลงแจ๊สที่มีเครื่องเป่าผสมอยู่เช่นเพลงในอัลบั้มของ Dave Brubeck Quartet ในอัลบั้มชุด Time out ให้อารมณ์แจ๊สแบบสดๆ ได้ค่อนข้างดี แต่ว่าฟังไปนานๆ มีอาการกัดและล้าหูอยู่บ้างเหมือนกันเมื่อเข้าคู่กับ EF5 แต่ว่ารู้สึกว่าฟังได้นานกว่าเมื่อฟังกับ ULN2

เสียงร้องของนักร้องที่มีโทนเสียงค่อนข้างต่ำเช่นเสียงนักร้องชายหรือว่าเสียงนักร้องหญิงผิวสีเข้ากันดีมากกับหูนางไม้นี้แต่ว่าทำคะแนนได้ค่อนข้างพอใช้ได้เมื่อฟังกับเสียงนักร้องหญิงที่มีโทนเสียงค่อนข้างใสเช่น Rebecca Pidgeon(Heart and Mind) เพราะว่าออกสว่างจัดไปนิดๆ แต่เพลงของ Aaron Neville ในชุด warm your heart โดยเฉพาะเพลง I Bid You Goodnight นี่โอเคมากๆ



เสียงสูง: จะบอกว่าเป็นทั้งจุดเด่นและจุดด้อยของหูตัวนี้ก็น่าจะพอพูดได้เหมือนกันเพราะว่าให้เสียงสูงช่วงกลางๆ ได้ค่อนข้างดีทำให้เสียงสูงติดหูได้ไม่ยากแต่ว่าไปเสียตอนปลายเสียงอยู่บ้างเพราะว่า roll off เร็วไปนิดหรือพูดง่ายๆ ว่าปลายเสียงห้วนไปหน่อยถ้าได้แอมป์หลอดแรงๆ มาช่วยคงจะดีมาก

ระดับความพริ้วหรือว่าความหนักเบาของเสียงสูงค่อนข้างดีส่วนนึงเป็นเพราะบุคลิกเสียงของ HE5 ที่ให้เสียงค่อนข้างสะอาดด้วย ปลายเสียงเครื่องเป่าหรือเครื่องสายในช่วงที่โหมโรงที่แผดขึ้นมาแรงๆ ของวง orchestra ในอัลบั้ม McIntosh Audiophile Test Reference นี่เข้าท่าดีแต่ก็มีข้อติอยู่อย่างที่บอกไว้ในขั้นต้นก็คือว่ามันห้วนไปนิดนึงจริงๆ เหตุหนึ่่งก็เพราะว่าแอมป์ที่ผมมีอยู่(จะเรียกแอมป์ก็คงไม่เต็มปากนัก)กับแอมป์คู่บุญของเค้าก็ขับน้องนางไม้นี้ได้ไม่สุดตามความรู้สึกของผมที่มีอยู่ลึกๆ ทุกครั้งที่ฟังว่ามัน"น่า"จะไปได้ไกลกว่านี้ได้ไม่ยากถ้าได้แอมป์แรงๆ มาเข้าคู่ส่วนจะเป็นตัวไหนก็คงบอกไม่ได้แต่ในใจลึกๆ เช่นกันบอกว่า"น่า"จะเป็นแอมป์หลอดที่มีกำลังขับแรงแบบว่ามากๆ



เวทีเสียง มิติและอื่นๆ: เนื่องจากหูฟังตัวนี้เสียงค่อนข้าสะอาดการแยกชิ้นดนตรีทำได้ดีมาก ส่วนเวทีเสียงก็ให้เฮดสเตจที่ดีใกล้เคียงสามมิติตรงนี้คิดว่าน่าจะทำได้ดีพอๆ กับ HD800 แต่ว่าความโปร่งเหมือนว่าจะแคบกว่านิดๆ(รอเจ้าของ HD800 กับ HE5 มาเพิ่มเติมอีกเช่นเคย) เรื่องของเวทีเสียงและอื่นๆ นี้อยากบอกว่า HE5 ค่อนข้างไวกับการเปลี่ยนสายหรือว่าอุปกรณ์ใน system ค่อนข้างมาก เมื่อเปลี่ยนสายสัญญาณสายไฟหรือว่าแม้แต่การต่อหรือไม่ต่อกับเครื่องกรองไฟหรือต่อผ่านเครื่องต่างชนิดกันมีผลให้ได้รับรู้ได้ในทันที หูฟังแบบนี้น่าจะเอามาใช้ในสตูดิโอเพื่อทำ mix down คงจะช่วย sound engineer ได้เยอะเลยอาจจะช่วยย่นระยะเวลาในการทำงานให้ได้(คหสต.)



สรุป: มีน้องคนนึงถามว่าหูฟังตัวนี้คู่กับแอมป์ของมันเป็นยังไงบ้างก็ได้บอกไปว่า "คมชัดจะแจ้งเล่นจริงเจ็บจริงไม่ใช้ตัวแสดงแทน จีจ้าดื้อสวยดุ" น่าจะเป็นภาพที่ได้ใกล้เคียงกับเสียงของน้องนางไม้นี้ได้ดีแต่ถ้าอยากเปลี่ยนจีจ้าให้เป็นสาวหวานก็น่าจะหาอะไรมาให้น้องเธอได้เปลี่ยนลุคซึ่งก็ทำได้ไม่ยากนัก(จีจ้าแต่งตัวเป็นสาวหวานก็ดูน่ารักนะ)

พูดง่ายๆ ก็คือว่าน่าจะได้อุปกรณ์เสริมเช่น แอมป์ สายหรือว่าอื่นๆ(อะไรก็แล้วแต่)มาเพิ่มก็คิดว่าน่าจะทำให้จีจ้าดื้อ(ขับยาก) สวย(การออกแบบใช้ได้) ดุ(เสียงค่อนข้างซีเรียสหน่อยนึงเหมาะสำหรับ audiophile มากกว่า music lover ในบางแนวเพลง)เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีแน่นอนส่วนจะปรับเปลี่ยนอะไรตรงไหนต้องถามตัวท่านเองที่ครอบครองดูว่าอยากจะให้น้องนางเธอขับกล่อมเสียงไปในทิศทางใดก็หาอุปกรณ์แบบนั้นๆ มาเพิ่มเติม

ยกตัวอย่างเช่นถ้าเป็นผมก็จะหาสายที่มีบุคลิกเสียงค่อนข้างอบอุ่นมาเพิ่มเติมเช่นบ่อนบ๊อน(สาย cabon fibre ผ้าขี้ริ้วของขวัญปีใหม่จีน)หรือไม่ก็ Cardas มาเป็นสายสัญญาณ แล้วก็จะหาแอมป์ตัวเล็กๆ ประมาณ TTVJ(Todd The Vinyl Junkie) Millett รุ่น 307A มาเข้าคู่แค่นี้(ย้ำว่า แค่นี้) จีจ้าก็จะหวานได้ยิ่งกว่านุ่นวรนุชได้อย่างแน่นอน ฟันธง!





เทียบกับหูฟังสติแตก STAX OII MkII: ตรงนี้เป็นความเห็นส่วนตัวของผู้เขียนล้วนๆ อ้างอิงกับอุปกรณ์ที่ใช้อยู่ประจำถ้าใช้อุปกรณ์ที่แตกต่างจากนี้ไปผลอาจจะไม่เหมือนกัน โปรดพิจารณาก่อนที่จะอ่าน

เสียงต่ำ: อิมแพ็คและไดนามิคเสียงต่ำของ HE5 เร็วกว่า OII ส่วนหนึ่งมาจากบุคลิกของแอมป์ที่ใช้อยู่มีส่วนเป็นอย่างมาก แต่ว่าปริมาณเนื้อเสียงและคุณภาพยังสู้ OII ไม่ได้ความรู้สึกประมาณว่าเมื่อฟังจาก HE5 เสียงหนังกระเดื่องจะตั้งตึงไปหน่อยแต่ว่าเมื่อฟังจาก OII แล้วสามารถรับรู้ถึงแรงกระเพื่อมของหนังกระเดื่องที่ตั้งไว้พอดีได้ไม่ยากและเสียงต่ำของ OII ให้น้ำหนักและแรงปะทะที่มากกว่า ตรงนี้ไม่น่าเชื่อแต่ว่าให้เพื่อนที่หูพอไปวัดไปวาได้มาช่วยฟังก็มีความเห็นเช่นเดียวกัน

เสียงกลาง: ความเนียนของเสียงกลาง OII ดีกว่าแต่ว่าความเป็นธรรมชาติ HE5 ก็ทำได้ค่อนข้างดีเช่นกัน

เสียงสูง: ตรงนี้ HE5 ให้สูงที่ละเอียดสู้ไม่ได้เหตุอาจเป็นเพราะบุคลิกของชนิดของหูฟัง electrostatics ที่เด่นตรงความพริ้วของเสียงมีมากอยู่แล้ว อีกอย่างบุคลิกของหลอดที่ใช้กับ egmont classic ที่ในตอนที่ทดลองฟังก็มีส่วนด้วยเพราะใช้ sylvania 6SN7 metal base คู่กับ mullard 12AX7 ที่ทำให้ปลายแหลมของ OII พริ้วมากกว่าน่าฟังและสามารถฟังได้ในระยะเวลายาวนานมากกว่า

สรุป: เมื่อเปรียบเทียบโดยราคาแล้วถ้ายังไม่มี OII อยู่ในบ้านอยู่แล้วจะตัดสินใจซื้อ HE5 มาใช้โดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย ด้วยราคาที่ต่างกันประมาณห้าเท่าแต่ความความแตกต่างของเสียงไม่ได้ห่างมากมายขนาดนั้น ถ้าจะให้สรุปง่ายๆ เรื่องของความแตกต่างระหว่างหูฟังสองชุดนี้ก็คงจะอยู่ที่"วิญญาณและอารมณ์" ตอนที่ฟัง HE5 เหมือนว่านักร้องและนักดนตรีตั้งใจเล่นมากเหมือนว่ากลัวจะเล่นผิดแต่ว่าพอฟังเพลงเดียวกันจาก OII นักร้องและนักดนตรีเล่นกันสบายๆ เอาความสนุกและเอาอารมณ์ของเพลงเป็นตัวตั้งทำให้ความเป็น musical OII มีสูงกว่า อีกอย่างที่อยากจะเพิ่มเติมก็คือเวทีเสียงของ HE5 โปร่งและกว้างได้ไม่เท่า OII แต่ถือว่าทำได้ดีมาก




บทส่งท้ายแบบมึนๆ: ปีก่อนโน้นมีโอกาสได้ไปเยอรมันขากลับในระหว่างที่นั่งรอขึ้นเครื่องบังเอิญได้ยินคนไทยกลุ่มหนึ่งที่ทำงานรัฐวิสาหกิจสังกัดเดียวกันคุยกันในเรื่องของตัวสินค้าที่ต้องเอามาใช้งานในองค์กรก็อยากจะเอามาฝากไว้ตรงนี้นิดนึงเผื่อว่าจะได้เป็นข้อคิดอะไรได้บ้าง คนที่อาวุโสที่สุดในกลุ่มได้อธิบายให้รุ่นน้องได้ทราบถึงความแตกต่างของตัวสินค้าชนิดเดียวกันแต่ต่างกันที่บริษัทผู้ผลิต

เค้าบอกว่า"สินค้า A ทำออกมาได้คุณภาพดีกว่า มี option มากกว่าความเสถียรและความปลอดภัยในการใช้งานเยี่ยมกว่าสินค้า B" "แต่ว่าทางบอร์ดได้จัดซื้อสินค้าจากบริษัท B มาใช้ในองค์กรแทนเพราะว่าค่า under desk ของบริษัท B ให้สูงกว่าบริษัท A ดังนั้นพวกเราก็ทนใช้สินค้าของบริษัท B ไปก็แล้วกันนะ" เมื่อพูดจบแล้วทุกคนที่รับฟังรวมไปถึงผู้พูดก็ไม่ได้แสดงสีหน้าอาการอะไรออกมา ต่างคนก็มีสีหน้า"เรียบเฉย"เหมือนกับว่าเรื่อง under desk นี่เป็นเรื่องปกติธรรมดาที่ทุกคนต่างก็"คุ้นเคย"และก็"เต็มใจ"จะอยู่กับมันทั้งๆ ที่ว่าคนกลุ่มนี้ที่ต้องใช้สินค้าชนิดนี้เค้าต้อง"เสี่ยงเอาชีวิตของตัวเองเข้าแลก"กับการใช้ตัวสินค้าที่มีความปลอดภัยต่ำกว่า ฟังแล้วก็รู้สึกแปลกดีเหมือนกัน

ผ่านมาได้ระยะนึงก็มานั่งนึกว่าตอนนี้สังคมของเมืองไทยต่างก็ยอมรับว่าสิ่งที่"ผิด"เป็นสิ่งที่"ถูก"ไปแล้วโดยเฉพาะในกลุ่มระดับบนๆ ของประเทศทั้งด้านธุรกิจและอื่นๆ เหมือนกับว่าสิ่งที่"ผิด"เปล่านี้เป็นสิ่งที่"สมควร"และ"ต้อง"ทำในการดำเนินงาน จะเป็นไปได้หรือไม่ที่เราทุกคนที่มีส่วนเป็นเจ้าของประเทศจะปรับค่านิยมที่"ผิด"เหล่านี้ให้"ถูก"และก็มีกำลังใจที่จะทำ"ถูก"แม้ว่าในสังคมอาจจะมองว่าเราทำ"ผิด"เพราะว่าทำไม่เหมือนกับที่คนอื่นเค้าทำกัน เดี๋ยวนี้ความละอายในการทำชั่วไม่มีแถมคนก็ยกย่องคนที่ทำชั่วกันได้โดยไม่ตะขิดตะขวงใจอีกต่างหาก ผมเชื่อว่า"ถ้ายกย่องสรรเสริญคนที่ทำชั่วอยู่เป็นนิจ บุคคลที่ยกย่องคนเหล่านั้นจะไม่มีวันได้พบกับความเจริญในชีวิตเลย"

ถ้าทุกคนช่วยกันค่านิยมผิดๆ เหล่านี้คงจะหมดไปจากบ้านเมืองเราได้ เริ่มจากที่บ้านสอนลูกสอนหลานให้รู้สึกว่าตัวเองมี"คุณค่า"เวลาทำสิ่งที่ถูกต้อง สอนให้เค้าเข้าใจโลกและชีวิตจะได้ใช้ชีวิตในเส้นทางที่ดีที่เค้าเลือกและกำหนดได้ด้วย"คุณค่า"ของตัวเค้าเอง เมื่อตำหนิใครแล้วก็ควรจะให้ทางออกแก่ผู้ที่ถูกตำหนิด้วยเพราะว่าคนเราก็คงจะไม่อยากทำผิดเผื่อลดคุณค่าของตนเองหรอกยกเว้นว่าเป็นคนชั่ว "คุณค่าของคน"เท่านั้นที่จะทำให้สิ่งที่กล่าวไว้ในเบื้องต้นหมดไป "ยังไงทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่่วอย่างแน่นอน"

ขอให้มีความสุขกับการฟังเพลงครับทุกท่าน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ผู้ติดตาม