วันอังคารที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

[ความประทับใจ] The Hurt Locker : ตู้เก็บความเจ็บปวด

กำกับโดย: Kathryn Bigelow
บท: Mark Boal
กำกับภาพ: Barry Ackroyd
ตัดต่อ: Chris Innis, Bob Murawski
นักแสดง: Jeremy Renner, Anthony Mackie, Brian Geraghty, Guy Pearce, Ralph Fiennes , David Morse, Christian Camargo

ได้มีโอกาสดูภาพยนตร์เรื่องนึงที่นักแสดงก็ไม่ใช่ดาราใหญ่อะไรแต่เดินเรื่องได้กดดันดีจริงๆ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการอะไรกดดันๆ ดูบ้างเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศจากเบาๆ ให้หนัก เรื่องนี้นำเสนอมุมมองของทหารที่ต้องลงไปปฏิบัติหน้าที่ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เอ้ย ในประเทศอิรักโดยเน้นไปที่หน่วยเก็บกู้ระเบิดที่มีชื่อหน่วยว่า Explosive Ordnance Disposal (EOD) ภาระกิจหลักก็คือถ้่าได้รับแจ้งว่าพบวัตถุระเบิดหน่วยนี้แหละที่ต้องเข้าไปจัดการเก็บกู้ซะ ทำให้แต่ละคนในหน่วยมีความกดดันเป็นอย่างมากทั้งในตัวงานและก็สภาพแวดล้อมของประเทศที่ต้องเข้าไปทำงาน

ถ้าพูดถึงความประทับใจที่มีต่อเรื่องนี้ถ้าไม่นับหนังแบบเบาๆ ที่เค้าเอามาให้ดูแล้วในบรรดาหนังหนักๆ ที่ได้ดูตลอดปีที่ผ่านมานับตั้งแต่ประกาศผลออสการ์ของปีก่อนมาจนถึงต้นปีนี้มีเรื่องนี้แหละที่จบได้ใจมากๆ แล้วก็คิดว่าถ้าจะได้ออสการ์ติดมือบ้างก็ไม่แปลกใจอะไรเพราะว่าเข้าชิงตั้ง 9 สาขารวมถึงภาพยนตร์ยอดเยี่ยมแห่งปีด้วย(น่าให้เหมือนกันนะ หุหุ) ดังนี้

1. Best Motion Picture of the Year
2. Best Achievement in Directing
3. Best Achievement in Editing
4. Best Achievement in Music Written for Motion Pictures, Original Score
5. Best Achievement in Sound
6. Best Achievement in Sound Editing
7. Best Achievement in Cinematography
8. Best Performance by an Actor in a Leading Role
9. Best Writing, Screenplay Written Directly for the Screen

หนังดำเนินเรื่องดีทำให้ไม่น่าเบื่อแม้ว่าฉากแอคชั่นแบบสุดขีดจะไม่มีแต่ว่าให้ความรู้สึกกดดันผ่านสีหน้าและแววตาของนักแสดงที่ผู้กำกับภาพเก็บมาได้แจ๋วจริงๆ บทก็ดีโดยเฉพาะช่วงครึ่งชั่วโมงสุดท้ายนี่มีอะไรซ่อนให้คิดอยู่เยอะเลยแถมตอนจบก็สรุปได้ลงตัวดีจริงๆ เป็นหนังชีวิตที่มีบทแอคชั่นชวนกดดันอยู่เป็นระยะ ใช้มุมกล้องแบบ handheld เพื่อเพิ่มความอัดอัดให้กับคนดูซึ่งก็คือว่าทำได้ดีและกล้องก็ไม่แกว่งมากเหมือนหลายๆ เรื่องที่ใช้มุมกล้องแบบนี้ อีกอย่างที่เข้าท่าก็คือเน้นใช้แสงธรรมชาติเยอะมากเพื่อเพิ่มความสมจริงให้กับบท

ที่ต้องชมอีกอย่างก็คือคนตัดเลือกนักแสดง( Mark Bennett )ที่เลือกตัวแสดงได้เยี่ยม มีตัวละครหลักอยู่สามคนแต่ว่าเฉลี่ยบทให้ตัวประกอบได้ดี มีคนนึงซึ่งแสดงโดย Christian Camargo ที่เคยเล่นซีรี่ย์ DEXTER แม้จะออกมาแค่สามฉากแต่ก็สามารถช่วยเสริมความหนักให้กับตัวแสดงหลักได้ แถมด้วยดาราชั้นนำระดับแนวหน้ามาเป็นดารารับเชิญด้วยอีกต่างหากซึ่งบางท่านก็เคยได้เข้าชิงออสการ์มาแล้ว เช่น Ralph Fiennes และ Guy Pearce

พอดูจบแล้วก็ทำให้ต้องมานั่งคิดอะไรหลายๆ เรื่องเหมือนกัน เช่นเรื่องของหัวหน้าทีมที่ต้องทำหน้าที่แบกรับลูกน้องไว้ด้วยดังนั้นไม่ว่าจะตัดสินใจทำอะไรลงไปแม้ว่าจะใช้อารมณ์ส่วนตัวเป็นหลักในการคิดแต่ยังไงผู้ที่ได้รับผลของเรื่องนั้นเต็มๆ จากการตัดสินใจของเราก็คือลูกน้องของเราเองนั่นเองดังนั้นไม่ว่าจะตัดสินใจอะไรลงไปต้องรอบคอบให้มาก มีผู้ใหญ่ท่านนึงเคยสอนผมไว้ว่า "ลูกน้องมีไว้รับชอบแต่เจ้านายมีเอาไว้รับผิด" ไม่ใช่มีลูกน้องไว้รับผิดเจ้านายเอาไว้รับชอบ อีกเรื่องก็ต้องมานั่งคิดเช่นกันก็คือว่าคนบางคนในหน้างานที่ตัวเองทำนั้นกล้าตัดสินใจได้สารพัดเรื่องไม่ว่าจะเรื่องใหญ่แค่ไหนก็สามารถรับมือได้สบายๆ แต่พอมาถึงเรื่องชีวิตประจำวันของตัวเองเช่นว่าวันนี้จะกินข้าวกับอะไรดีกลับไม่รู้ว่าจะเลือกยังไง แต่ไม่ว่าจะยังไงก็ตามไม่ว่าจะตัดสินใจอะไรหรือทำอะไรขอแค่ให้เรารู้ว่าเราทำสิ่งนั้นไปทำไม ตัวเอกของเรื่องคือ Jeremy Renner ที่เล่นเป็น SSG William James แม้ว่าตอนแรกจะไม่รูว่าตัวเองนั้นทำงานนี้ไปเพื่ออะไรแต่สุดท้ายเค้าก็รู้ด้วยตัวของเค้าเองในที่สุด ว่าจริงๆ แล้วเค้าต้องการอะไรในชีวิตนี้ในมุมมองของทหารคนหนึ่ง ทหารคนที่ต้องใส่ชุดเกราะเคฟล่าร์หนักเพื่อกันสะเก็ดระเบิดและเกราะหนักนี้เองที่เป็นเสมืือนเป็นตู้ล็อคเกอร์ซึ่งเก็บเอาความเจ็บปวดของตัวผู้ใส่ที่เก็บสะสมจากคนรอบข้างเอาไว้ข้างในไม่ให้มันแสดงออกมา..

ขอให้มีความสุขกับการดูหนังและฟังเพลงครับ Rolling Eyes

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ผู้ติดตาม