วันอังคารที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

[Review] RudiStor RPX300 เจือ HD800 impression

เกริ่น:
ผมรู้สึกว่าตัวเองโชคดีจริงๆครับที่ได้มาเจอสังคมออนไลน์ที่มีคุณภาพแบบที่นี่ทำให้ผมได้มีโอกาสฟังเครื่องและอุปกรณ์หลายๆอย่างซึ่งบางอย่างก็คงจะไม่มีปัญญาซื้อมาใช้ก็ต้องขอขอบคุณเจ้าภาพทุกท่านมา ณ. ที่นี้ด้วยนะครับโดยเฉพาะคุณคิมซึ่งช่วยเหลือและเอื้อเฟื้อกับผมมาโดยตลอด ขอบคุณพี่วันชัยสำหรับหูฟังเยี่ยมๆที่ให้หยิบยืมมาด้วยครับ

ผมคิดว่าการหาความรู้เพิ่มเติมเป็นสิ่งจำเป็นที่ควรจะทำโดยสม่ำเสมอโดยเฉพาะในสิ่งที่เราชอบ ถ้ารู้แล้วก็ควรที่จะแบ่งปันความรู้เป็นการต่อยอดให้กับตัวเองเพราะว่าถ้าเมื่อไหร่เราได้ลงมือเขียนเรื่องนั้นออกมาตรงไหนที่ติดขัดเราก็สามารถจะรู้ได้ในตอนนั้น อีกประการหนึ่งคนที่ได้มาอ่านบทความนั้นๆก็จะมีความรู้เพิ่มขึ้นด้วยไม่มากก็น้อยเพื่อเป็นการส่งต่อความรู้ให้แก่กันและกันต่อๆไปจนกลายเป็นเครือข่ายความรู้เอื้ออาทรไปในที่สุด ดังนั้นการส่งผ่านความรู้ต่อๆกันเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับสังคมในยุคปัจจุบันนี้

ครั้งแรกที่ได้ลองแอมป์เรือธงของรูดี้คือรุ่น RP010B นั้นผมรู้สึกว่าเสียงช่างแน่นและมีพลังดีจริงๆ ความเป็นดนตรีมีสูงฟังเพลงในแบบแสดงสดได้ดีมากๆดังเหตุผลที่ได้บอกไว้ในรีวิวชิ้นนั้น(ซึ่งสามารถจะคลิกอ่านได้ตรงชื่อรุ่นของแอมป์ครับ) ฟังแล้วก็ติดใจในเสียงอันเป็นแบบฉบับของรูดี้คือว่าเสียงค่อนข้างผ่อนคลาย เนื้อเสียงเนียนและก็มีความเป็นดนตรีแบบแสดงสดสูง ที่บอกว่าความเป็นดนตรีแบบแสดงสดสูงก็คือว่าแอมป์บางตัวเช่น RSA The Apache มีความเป็นดนตรีสูงเช่นกันคือฟังเพลงแล้วไพเราะแต่เสียงของ RSA Apache คล้ายๆกับแต่งมานิดๆเหมือนปรับเสียงมาแล้วระดับนึง ส่วนเสียงที่ออกมาจากแอมป์ของรูดี้อาจจะสดได้ไม่เท่าแต่ว่าความเป็นธรรมชาติมีสูง เสียงอาจจะจืดไปนิดๆอาจจะไม่โดนใจขาร็อครุ่นใหม่ๆหรือว่าเพลงที่ใช้เครื่องดนตรีสังเคราะห์มากๆ แต่ว่าถ้าฟังเพลงแจ๊ส,อคูสติค,แสดงสดหรือว่าคลาสสิคอลแล้วละก็แอมป์ของรูดี้ฟังดีกว่าเยอะเลยตรงนี้เลยเป็นเหตุผลให้ผมต้องเสียตังค์ซื้อแอมป์ตัวนี้ RudiStor RPX300 มาใช้ในที่สุด

สำหรับแอมป์ตัวนี้เป็นแอมป์แบบ Quad mono ซึ่งรายละเอียดก็คงจะอ่านได้ในรีวิวชิ้นก่อน สรุปง่ายๆก็คือว่าเหมือนมีแอมป์โมโนสี่ตัวอยู่ในตัวถึงเดียวกันแยกกันอิสระแต่ใช้ภาคจ่ายไฟสองชุดแยกกันระหว่างสอง Channel ซ้ายขวา






Specification:
Maximum Output( Voltage Swing): 30Vpp
Bandwidth: 2-100.000 Hz 0.05db
THD: 0.02% (3Vpp on 32 Ohm)
Input Impedance: 30 to 47 kohm
Input : 1 pair RCA golden plater + 1 pair XLR set golden plated
Output: 1 pair RCA golden plater + 1 pair XLR set golden plated
Humm Level : Not measurable
Slew Rate >5VuSec
Output Impedance: 3 Ohm to 1200
Gain: 12
Technology: Discrete Bipolar and FET transistor
S/N : 120db
Dimensions (cm): 35x30x12
Weight (Kg): 6.9

อุปกรณ์ที่ใช้ในการทดสอบ:
Sources: iPod Classic, C.E.C. TL 51XR, iMac 24" 2.93GHz
DAC: Bel Canto e.One DAC3 Mod
Cans: HD800, L3K[T372/500], STAX SR-007 MK2
IEM: UE11
Amps: RudiStor EGMONT Classic MkII , RudiStor RPX300
Line Stabilizer: Pure Sine 1000 Max
Cables: Windows X SXC, Purist Audio Design Venustas XLR, HGA digital,
kimber ADGL XLR, Audioquest firewire i.Link 1394-3, furutech alpha3 power cord,
kimber pk10 power cord, nordost valhalla DIY power cord
Firewire Interface: TC Electronic Konnekt 8







ความเป็นดนตรี:
เป็นสิ่งแรกที่ผมฟังแล้วโดนครับเพราะว่ามีสูงฟังเพลงได้ไพเราะดีจริงๆ เสียงหลังจาก burn ค่อนข้างต่างจากตอนที่แกะออกมาจากกล่องใหม่ๆค่อนข้างมากโดยเฉพาะในช่วงปลายเสียงแหลมที่มีขอบค่อนข้างคม พอ burn ได้ที่นี่เสียงเนียนปลายเสียงแหลมไหล เจ้าตัวนี้ฟังเพลงได้หลายแนวจะว่าทุกแนวก็ว่าได้ตรงนี้ขึ้นอยู่กับบุคลิกของหูฟังเป็นหลักครับเพราะว่าเสียงของแอมป์ตัวนี้กลางๆไม่เด่นในย่านหนึ่งย่านใดเป็นพิเศษเลย ผมว่าเป็นแอมป์ที่เอาไว้รีดศักยภาพของหูฟังที่ดีมากๆตัวนึงเลยทีเดียว

เมื่อเข้าคู่กับ HD800 ทำให้ฟังเพลง Jazz Classical Acoustic Vocal ได้แจ๋วสุดๆ แต่ถ้าฟังกับ L3000 แล้วนี่ฟังร็อคทุกแนวได้มันส์โฮกคืนก่อนตอนตีหนึ่งกว่าๆเปิดฟังเพลง Cherub Rock ของ Smashing Pumpkins แล้วตกใจนึกว่าลืมปิด Bose Com3 เพราะ impact ของเสียงกลองกับเบสกีตาร์มาแบบสุดๆเสียงหลุดออกหูฟังเหมือนเสียงออกมาจากซับของ Com3 เลยถ้าลืมปิดจริงๆมีหวังถูกคนที่อยู่ใกล้ๆเดินมาด่าแน่ๆ ฮ่า

เสียงกลาง:
ความที่ Rudi's sound signature มีเอกลักษณ์เด่นตรงที่มีความเป็นดนตรีแบบแสดงสดสูง พอฟังเพลงร้องกับ HD800 โดยเฉพาะนักร้องผู้หญิงเสียงใสกังวานหวานพอดีครับแต่พอสลับมาใช้ L3000 ฟังเพลงเดียวกันกลับกลายเป็นออดอ้อนฉอเลาะจนฉ่ำไปเลย หูสองรุ่นนี้ก็ดีกันไปคนละแบบดังนั้นใครพอมีตังค์ก็จัดเป็นคู่ได้เลย แต่ไม่ใช่ว่าเสียงนักร้องผู้ชายของ HD800 จะไม่ดีนะครับแต่ว่า L3000 ฟังแล้วดีกว่าทำให้ฟังเสียงนักร้องผิวดำเช่น Aaron Neville, Lionel Richie ได้ดีมากๆ เสียงเครื่องสายเช่นไวโอลินวิโอล่าฟังแล้วธรรมชาติดีมากๆเมื่อฟังผ่าน HD800 ส่วนเสียงเชลโลต้องฟังกับ L3000 ครับแล้วจะรู้ว่าความฝืดและการกระเพื่อมของสายหลังจากถูกสีแล้วเป็นอย่างไรเนียนไปได้แค่ไหน

เสียงสูง:
ต่อเนื่องจากเสียงกลางมาได้ดีครับไม่มีขาดช่วงระหว่างความถี่ พริ้วละเอียดดีมาก เสียงไม้เป็นไม้โลหะเป็นโลหะเครื่องเคาะแต่ละชนิดนำเสนอออกมาได้ชัดเจนพอดีไม่ขึ้นขอบ ปลายเสียงไม่ห้วนลากได้ยาวโดยเฉพาะฟังเสียงแซกโซโฟนกับเพอคัสชั่นที่เคาะในเพลงแจ๊สหลายเพลงที่ไหลเป็นน้ำเลยครับ อีกอย่างไดนามิกในช่วงเสียงสูงแผดขึ้นได้เร็วมากเนื่องจากกำลังของแอมป์มีมากทำให้เสียงเครื่องเป่าทองเหลืองเช่นแซกโซโฟนหรือว่าทรัมเป็ตสมจริง

เสียงต่ำ:
ตรงนี้ได้ใช้พละกำลังของแอมป์ในแบบคลาสเอได้อย่างเต็มที่ แม้ว่าจะใช้หูฟังที่เสียงค่อนข้างโปร่งๆแบบ HD800 ก็ตามลงได้ลึกและแม่นยำมากๆเสียงเบสของ HD800 แม้ว่า impact จะไม่สะใจเหมือนกับ L3000 แต่ขอบอกว่าเสียงเบสของน้อง HD800 นี่มีคุณภาพมากๆ แอมป์ตัวนี้การตอบสนองความถี่ต่ำเร็วไม่มีหนืดตามแบบฉบับของโซลิดสเตทแต่ก็มีความแน่นนุ่มตามแบบของหลอดเจืออยู่ด้วยฟังแล้วนึกถึงรุ่นพี่ตัวเก๋าคือ RP010B ขึ้นมาทันใดตัวนั้นนี่เสียงกระตุกสายเบสถึงกึ๋นดีมากๆแต่ตัวเล็กนี้ก็ทำได้ใช่ย่อยเหมือนกันเพราะว่าเทคโนโลยีใหม่กว่าทำออกมาทีหลังเลยค่อนข้างจะได้เปรียบในบางจุด ลองเปรียบเทียบเสียงกลองจริงกับสังเคราะห์ก็แยกแยะออกได้ไม่ยากโดยแยกออกจากกันได้ตรงที่เสียงกลองจริงมีความกังวานและเรโซแนนซ์สวิงพริ้วไม่ค้างนิ่งเหมือนเสียงสังเคราะห์







รายละเอียด เวทีเสียง อิมเมจ:
รายละเอียดเป็นจุดแข็งของแอมป์บาลานซ์เลยก็ว่าได้ เสียงที่สะอาดมากๆทำให้เราได้ยินทุกเสียงที่มาจากต้นแหล่งที่เป็นบาลานซ์เช่นกันได้อย่างชัดเจนทุกเม็ดทุกจุดแต่ถ้าใช่ร่วมกับสายสัญญาณที่ค่อนข้างเด่นในย่านสูงเช่นสายเงินทำให้เสียงติดขึ้นขอบได้ยิ่งถ้าเขาคู่กับหูที่โปร่งเด่นแหลมด้วยน่าจะใช้สายเงินหรือโลหะผสมถ้าใช้ในโหมดบาลานซ์เป็นหลัก

เวทีเสียงกว้างมากครับตอนที่ฟังกับ HD800 ฟังแล้วโปร่งสบายสมกับบุคลิกของหูฟังแบบเปิด ตำแหน่งของเครื่องดนตรีต่างๆชัดเจนเวทีถอยไปด้านหลังเล็กน้อยพองามทำให้ฟังได้นาน เสียงโอบล้อมเป็นสามมิติดีมากถึงมากที่สุด สำหรับ HD800 นี้อารมณ์ที่ผมได้ฟังครั้งแรกทำให้นึกถึงเมื่อครั้งที่ได้ฟัง HD650 เพียงแต่เสียงโดยรวมดีขึ้นในทุกด้าน เสียงของ HD800 ไม่ทิ้งบุคลิกของ senn เลยครับแม้ว่าจะโปร่งแต่มีเจือ dark อยู่ในทีผมบอกไม่ถูกอย่างที่บอกครับว่าแอมป์ตัวนี้ช่วยขับให้หูฟังฉายแสงออกมาได้ดี ตอนที่ฟังกับ L3000 เวทีหุบลงมาพอสมควรแล้วก็เดินหน้ามาอีกหน่อยแต่ก็มีดีตรงเวทีเสียงในด้านลึก เสียงระหว่างช่องสัญญาณซ้ายขวาแยกขาดออกจากกันได้เด็ดขาดแต่ก็มีความต่อเนื่องของเสียงอยู่ตอนที่มีการโยนเสียงข้ามช่องสัญญาณ

อิมเมจก็ชัดเจนดี ตอนที่ฟังกับ HD800 ขนาดของเครื่องดนตรีแต่ละชิ้นในเวทีเสียงสมจริงแต่ว่าลดขนาดลงตามส่วนพอฟังรู้ทำให้แยกออกได้เลยว่าเครื่องดนตรีมีขนาดเท่าไหร่ สำหรับ L3000 แล้วอิมเมจค่อนข้างใหญ่ไปนิดทำให้ฟังเพลงที่มีเครื่องดนตรีมากชิ้นไม่ค่อยดีนัก

กับ IEM:
ผมได้ลองเอาหูฟังคู่ใจมาลองเสียบกับ RPX300 โดยผ่านตัวแปลงช่วย ก็อยากจะบอกแต่เพียงว่าถ้าแอมป์มือถือ(พกพา)ตัวไหนขับ UE11 ได้แบบที่ RPX300 ขับออกมาได้นี่ผมจะยอมออกจากทีมต่อตรงไปพกแอมป์กับเค้าบ้างโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย RPX300 เกลาเสียงเบสที่มีค่อนข้างเยอะของ UE11 ให้นุ่มลงมา จะว่าไปเสียงที่ออกมาใกล้ๆกับ HD800 เหมือนกันนะเพียงแต่รายละเอียดไม่ชัดเจนและเสียงออกขุ่นกว่านิดหน่อยแค่นั้นเอง

เทียบกับชุดหูฟัง Electro สติแตก:
การทดสอบตรงนี้ได้ผลที่น่าสนใจพอสมควรเลยทีเดียวครับตรงที่ว่าพอฟัง HD800+RPX300 เทียบกับชุด STAX OII+Egmont classic พบกว่าเวทีเสียงของ STAX กว้างกว่าไปเล็กน้อยถ้าจะเปรียบให้เห็นภาพก็ประมาณว่าเสียงของ STAX กว้างประมาณวานึงเต็มๆแต่เวทีเสียงของ HD800+RPX300 จะกว้างน้อยกว่าประมาณข้างละคืบ แต่ฉากหลังชุด RPX300 มืดสนิทและเวทีเสียงทางด้านลึกดีกว่าส่วนหนึ่งคงเป็นผลมาจากขั้วต่อแบบ balanced ด้วย รายละเอียดและความพริ้วลากยาวของปลายเสียงแหลมใกล้เคียงกันแต่ว่า STAX ได้เปรียบเรื่องความละเมียดและความเนียนของปลายแหลมอยู่บ้าง ความคมชัดและตำแหน่งของเครื่องดนตรีชุด RPX300 ดีกว่า แต่ว่าความเป็นดนตรีความอิ่มของเสียงกลางความลึกของเสียงต่ำและโทนัลบาลานซ์โดยรวมๆนั้นชุด STAX ดีกว่าไปพอสมควรชิ้นดนตรี STAX ใหญ่กว่าเลยดูเหมือนว่าความโปร่งของ HD800 มีมากกว่า แต่เรื่องของพละกำลังความฉับไวและไดนามิคต้องยกให้แอมป์โซลิดเสตทครับหลอดสู้ไม่ได้ยกเว้นหลอดตัวแรงๆเช่น 307A ของคุณคิม หุหุหุ







สรุป:
ผมมีความคิดอยู่ว่าแอมป์ตัวดีๆไม่น่าที่จะไปเติมแต่งเสียงอะไรให้กับเสียงที่ออกมาให้เราได้ยินผ่านลำโพงหรือแม้แต่หูฟัง ภาคขยายที่ดีควรจะทำหน้าท่ีแค่นำเสนอและส่งผ่านความถูกต้องจากต้นทางไปปลายทางควรจะทำตัวเป็นกลางไม่สองมาตรฐานเลือกที่รักมักที่ชัง อุ่ย ประโยคหลังรู้สึกว่าจะไม่ใช่

สำหรับแอมป์ตัวไม่โตขนาดกำลังดีตัวนี้นั้นหลังจากที่ผมได้ใช้เวลากับมันมาพอสมควรก็คงจะบอกได้แต่เพียงว่าเสียงของแอมป์ตัวนี้กลางดีครับมันพอดีๆไม่มากไม่น้อยไปในย่านใดย่านหนึ่ง "ทำหน้าที่เป็นตัวส่งผ่านสัญญาณไปยังปลายทางให้ไปได้แรงขึ้นเร็วขึ้นชัดขึ้นเท่านั้น" ยิ่งพอมาจับคู่กับ HD800 แล้วสำหรับใครที่เป็น Serious Listener คอ audiophile และผู้ที่ค่อนข้างจริงจังกับการฟังเพลงพอสมควรควรที่จะต้องลองฟังดูซักครั้ง เสียงของ HD800 อารมณ์ประมาณต่อฟังกับ mixer คุมเสียงหน้าเวทีคอนเสิร์ตครับชัดเจนไม่ตกหล่นเพียงพอให้เราสามารถบอกได้ว่าควรจะปรับเพิ่มลด gain หรืออัด reverb เข้าไปได้อีกเท่าไหร่ ผมว่า HD800 นี่เหมาะสำหรับเอามา mix down ใน Studio มากๆครับขอโบก

แต่สำหรับขาร็อคแล้วละก็การที่เอา L3000 มาจับคู่กับ RPX300 ก็เป็นอีกตัวเลือกนึงที่ไม่ควรมองข้ามอีกเช่นกัน ความรู้สึกตอนที่ฟังเพลงร็อคผ่าน L3000 กับ RPX300 นี่ผมรู้สึกเหมือนตอนที่ขึ้นไปยืนเล่นหน้าลำโพง monitor บนเวทีเลยเสียงสดแน่นและสมจริงมากๆ ไม่เฉพาะกับเพลงร็อคเท่านั้นกับเพลงร้องหวานออดอ้อนชุดนี้นำเสนอได้ดีมากๆ อีกอย่างก็คือเพลง R&B กับเพลงที่จังหวะกระตุกๆหน่อยก็ไม่ธรรมดา

สุดท้ายอยากบอกว่าใครที่กำลังมองหาแอมป์ซักตัวที่ให้เสียงกลางๆเป็นเหมือนตัวรีดศักยภาพของหูฟัง มีกำลังมากพอสมควร ขนาดไม่โตนัก หน้าตาเรียบดูหรูหราพอควรในราคาที่สูงพอสมควรแต่ก็ไม่ได้สูงเกินไปถ้าเทียบกับคุณภาพเสียงที่เป็นธรรมชาติได้มาตรฐานมีความเป็นดนตรีสูง RPX300 คือแอมป์ตัวที่่คุณต้องการ







ข้อคิดส่งท้าย:
หลายวันก่อนพี่ตุ้ย redbook ส่ง e-book มาให้ผมอ่านพออ่านแล้วทำให้ได้คิดอะไรอีกพอสมควรครับ หนังสือเล่มนี้ชื่อว่า "ชีวิตนี้เพื่องาน งานนี้เพื่อธรรม" อ่านเสร็จก็ต้องหันกลับมามองตัวเองว่างานที่เราอยู่นี่ทำไปทำไมเพื่อใคร พอนั่งนึกไปซักพักก็รู้สึกดีเหมือนกันที่ว่าอย่างน้อยงานที่ผมทำก็พอได้ช่วยเหลือคนอยู่บ้างได้พัฒนาตนเองและก็ได้ให้ความรู้กับคนอีกหลายๆคนเหมือนกัน ชีวิตนี้เกิดมาเพื่องานจริงๆครับและงานทุกอย่างถ้าเป็นไปได้ก็เอามาสร้างความดีและคนดีต่อไป อย่างน้อยก็มีตัวเราคนนึงที่เป็นคนดีผ่านงานที่ทำได้

รับผิดชอบงานที่ได้รับมอบหมายให้เต็มที่จะได้ไม่กลับมาเสียดายในภายหลังที่ไม่ได้ลงมือทำเต็มที่ ไม่ต้องกลัวว่าเค้นศักยภาพในการทำงานชิ้นนั้นๆแล้วพอต้องกลับมาทำงานคล้ายๆเดิมอีกจะทำได้ไม่ดีกว่าเดิม "งานเอาไว้พัฒนาตัวครับแล้วตัวเราที่พัฒนาแล้วก็สามารถจะส่งผ่านความรู้ต่อให้น้องๆในที่ทำงานได้" เป็นการทำดีต่อๆกันไป Pay the good forward ครับพี่น้องแล้วความดีนั้นจะย้อนกลับมาหาตัวเราไวกว่าที่คิด


ขอให้มีความสุขกับการฟังเพลงครับทุกท่าน Rolling Eyes



[Impression] RudiStor RPX300

I just received my Beauty Amp about three weeks ago and as always it came in well packed, thanks RudiStor team for that. Out of the box, the amp sounds a bit harsh on the top ends, but most of the tonality is well controlled especially the midrange which is smooth liquidly and a bit recessed. After more than 60 hours of burn-in the sound gets in shape, so after spending my happy times with the amp, I decided to share my impression here.

What I like about this Rudi's amp is its sound signature, the same as Rudi's amps that I had my chance to lay my hands on before, the RP010B, Egmont Classic and Coriolan Electrostatics Driver. They have kinda sound of live performance, Tube-likes, a bit dull, smooth and lively. The RPX300 shares the same sound signature as its predecessors but more neutral as far as I can tell.






My testing set up:
Cans: HD800, ATH L3K, ATH W5K fitz mod with APS V3 cable, STAX SR 007 MK2 and UE11 Pro.
CD : C.E.C. TL51XR
PC: iMac
Audio interface: TC konnekt 8
DAC: Bel canto Dac3
Amps: Rudistor RPX300, RudiStor Egmont classic
Cables: Purist Audio Design Venustas XLR, DIY WSXC reference RCA, HGA Digital, Furutech alpha3 power cord.

The amp synergized with any cans I plugged in from high-impedance Full size ones to Custom IEM because of it neutrality. Evidently some might say the amp lags of it own personality. But what I thought was the amp should drives the cans just to show its full potential not coloring its character. To me I gave RPX800 9/10 for its neutrality.






I fell for the midrange of HD800 + RPX300 combo because it's flat, real and has good dynamics on vocal when the singer raises voice, 3-dimensional sound stage. Jazz, classical and live concert are my preferred genres for this combination.

With the L3000, the RPX300 is the combo for any kind of Rock from speed to punk and also great for Pop and R&B.

Paring he amp with Custom IEMs, like the UE11, shares almost the same sound signature of the HD800 but a bit duller and the head stage is narrower. I'm not a portable amp person, but if the exists portable amp that could possibly give me the sound that I heard from my UE11 + RPX300 combo, I will order one right away with no hesitation at all.



Comparing to my Electrostatic setup:
I'd say RPX300 + HD800 impresss me so much on this comparison because I always like the transparency of my OII over any dynamic cans I've have listened but my 1st impression of RPX300 + HD800 has changed my point of view, that the sound is crystal clear plus better image is better but while the sound stage from my STAX setup is wider with more natural and better tone.







Conclusion:
If you looking for the amp that synergy with most of the Cans with neutral sound, good for jazz classical and any live performances, this amp is one that you should not over look. I'd say when I listen to RP010B I could interact with the sound I heard but for RPX300 I felt like I'm the one who play the instruments.


Thank you for reading this far guys, enjoy your listening.


Specification:
Maximum Output( Voltage Swing): 30Vpp
Bandwidth: 2-100.000 Hz 0.05db
THD: 0.02% (3Vpp on 32 Ohm)
Input Impedance: 30 to 47 kohm
Input : 1 pair RCA golden plater + 1 pair XLR set golden plated
Output: 1 pair RCA golden plater + 1 pair XLR set golden plated
Humm Level : Not measurable
Slew Rate >5VuSec
Output Impedance: 3 Ohm to 1200
Gain: 12
Technology: Discrete Bipolar and FET transistor
S/N : 120db
Dimensions (cm): 35x30x12
Weight (Kg): 6.9
__________________

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ผู้ติดตาม