วันอังคารที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

[Review]RudiStor Egmont Classic MkII

คำเตือน: ข้อเขียนด้านล่างนี้เป็นความเห็นส่วนตัวของผู้เขียนทั้งสิ้นบางส่วนอาจจะมีความลำเอียงปนอยู่บ้างผู้อ่านควรพิจารณา

เกริ่น: ผมคิดอยู่เสมอว่าหากตั้งคำถามเป็นประกอบกับการสังเกตุพิจารณาอย่างรอบคอบและก็ใจเย็นๆ เราก็จะมีทางหาคำตอบให้กับตัวเราเองในเรื่องต่างๆ ได้ เมื่อตอนที่อายุประมาณ 7-8 ขวบผมชอบนั่งดูน้ำไหลตอนฝนตกแล้วก็เดินตามไปดูว่ามันไหลไปทางไหน ตอนที่ฝนหยุดแล้วหากมีน้ำขังอยู่หน้าร้านก็จะหาไม้มาเขี่ยทำเป็นทางน้ำให้มันไหลไปลงร่องระบายน้ำตามที่ควรจะเป็นแต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมากเกินกว่านั้น โตมาอีกหน่อยพ่อสอนให้ผมรู้ว่าเวลาที่ฝนตกให้ออกไปเดินดูรอบๆ บ้านบ้างเพราะบ้านเราติดกับทุ่งนาหากน้ำมันไม่ยอมไหลลงตามท่อจะได้รีบขุดให้น้ำออกไปได้ไม่อย่างน้ันน้ำจะท่วมเลยทำให้รู้ว่าหากจะดูทางน้ำก็ต้องดูในตอนที่ฝนกำลังตก การออกไปเดินดูรอบบ้านทำให้รู้ contour line รอบพื้นที่ทำให้รู้จักบ้านของเราดีขึ้นแล้วเรื่องนี้ก็กลับมาให้ผมได้นำใช้ในปัจจุบันตอนไปลงเดินสำรวจดูพื้นที่ก่อนที่จะลงมือสร้างอาคาร บางเรื่องที่เป็นเรื่องเล่นๆ ในตอนเด็กแต่บางครั้งมันก็ให้แง่คิดอะไรกับเราได้ในตอนโตหากรู้จักมองย้อนกลับไปดู ข้อมูลบางเรื่องที่ผู้ใหญ่ได้สอนไว้ก็ย้อนให้นำกลับเอามาใช้ได้ในตอนเวลาทำงาน ดังนั้นข้อมูลความรู้ทุกอย่างมีค่าหากได้ยินได้ฟังอะไรดีๆ น่าจะจดบันทึกสรุปไว้เพราะเราก็ไม่รู้ว่าข้อมูลนั้นจะย้อนกลับมาให้เราต้องใช้อีกเมื่อไหร่

ผมชอบเข้าไปคุยกับผู้ใหญ่หรือว่าไปนั่งฟังผู้ใหญ่คุยกันก็มักจะได้ความรู้ใหม่ๆ อยู่เสมอโดยที่ไม่ต้องไปลองผิดลองถูกอะไรเองในบางเรื่อง บางทีนั่งฟังอาจจะได้ความรู้และประสบการณ์ที่ท่านผ่านมาสามสิบปีในเวลาแค่สองชั่วโมง การอ่านหนังสือก็ช่วยเปิดหูเปิดตาและให้ความรู้อะไรกับเราได้เยอะมากเช่นเดียวกัน สมัยก่อนต้องไปห้องสมุดหรือว่าไปร้านหนังสือถึงจะสามารถหาอะไรอ่านได้แต่เดี๋ยวนี้ไม่ต้องเพียงนั่งอยู่หน้าจอที่บ้านก็สามารถจะหาความรู้อะไรดีๆ ได้เยอะแยะขอเพียงรู้จักค้น สำหรับเรื่องนี้ search engine ช่วยได้มากขอเพียงรู้จักหา keyword แต่จะหา keyword เจอได้ก็ต้องรู้จักสรุปและตั้งคำถามในเรื่องนั้นๆ ให้ดีจึงจะสามารถหาคำตอบที่เราต้องการได้

ที่เกริ่นมาซะยืดยาวนี้ก็อยากจะบอกเพียงสั้นๆ ว่าที่ผมเขียนรีวิวนี้หรือก่อนหน้านี้ขึ้นมาก็เพียงแค่อยากจะแบ่งปันความรู้ที่มีอยู่ไม่มากให้กับน้องๆ ที่หลงเข้ามาอ่านบ้าง เผื่อว่าบางเรื่องที่ผ่านตาอาจจะใช้เป็นประโยชน์ได้ในวันนึงเหมือนกับที่ผมเคยได้ประสบกับตัวเองและข้อเขียนนี้ก็เกิดจากการตั้งคำถามและสรุปออกมาเช่นเดียวกันกับที่ผมได้เรียนรู้

บทนำ: ตั้งแต่ที่ได้รีวิว STAX SR-007A MKII+Woo Audio GES ของคุณคิมแล้วบอกตรงๆ ว่าหูผมหลอนครับอยากได้เป็นของตัวเองซักชุดนึงเพราะประทับใจความโปร่งและเสียงกลางอันเป็นธรรมชาติมากนั้นจนต้องไปสอย STAX SR-007 MK2 [Omega 2] มือสองจาก Head-fi มาเก็บไว้ตัวนึงทั้งๆ ที่แอมป์ก็ยังไม่มีและจะใช้กับ RSA The Apache ก็ไม่ได้ด้วยเหตุผลดังที่บอกไว้ในรีวิวชิ้นโน้น พอเก็บตังค์ได้จำนวนนึงก็ไล่ตามหาอ่านข้อมูลของแอมป์ที่เป็นคู่ขวัญของเจ้า Omega 2 ตัวนี้ ก็เจออยู่หลายตัวครับแต่ที่สะดุดตาผมมากที่สุดเลยก็คือ RudiStor EGMONT Signature ที่ราคาค่าตัวของมันก็น่าประทับใจมาก เหตุผลที่สะดุดใจก็ไม่มีอะไรมากครับก็เพราะว่า

1. เป็นแอมป์ของ Rudi ซึ่งตั้งแต่ที่ผมได้ลอง RP010B ของเค้าแล้วต้องขอบอกว่านี่แหละแอมป์สำหรับฟังเพลงจริงๆ ดังนั้นตัวที่ติดยี่ห้อเดียวกันน่าจะให้ความเป็นดนตรีได้ใกล้เคียงกัน
2. เป็นแอมป์ที่ใช้ STAX Omega 2 ในการออกแบบวงจร
3. เทคโนโลยีในการออกแบบดีและจากประสบการณ์ที่ผมได้ฟังแอมป์ของเค้ามาก็พบว่าความประณีตในการผลิตของ Rudi และทีมมีมากพอ
4. มันเป็นแอมป์หลอด(อันนี้สำคัญมากสำหรับผม) เพราะผมต้องการความพริ้วและอบอุ่นของเสียง

แต่ก็ต้องทำใจเพราะเงินจำนวนที่ผมมีในขณะนั้นไม่พอจะซื้อเจ้า EGMONT Signature มาเชยชมได้จึงต้องโทรไปรบกวนอาเสี่ยใจดีท่านนึงเพื่อขอยืมตังค์ เอ้ย! ไม่ใช่ เพื่อให้ลองถาม Rudi ดูว่ามีตัว Demo ที่สภาพไม่น่าเกลียดนักอยู่ใน Stock หรือไม่เผื่อว่าอาจจะพอสู้ราคาได้ อาเสี่ยใจดีของเราก็อุตส่าห์สละเวลาติดต่อให้ปรากฎว่า EGMONT Signature ไม่มีตัว demo เหลือเลยมีแต่ EGMONT Classic สภาพใหม่กิ๊กซึ่งราคาค่าตัวอยู่ในระดับที่ผมพอจะซื้อหาได้ก็เลยตกลงซื้อโดยที่ไม่ต้องคิดเลย

บอกตามตรงว่าข้อมูลของเจ้า EGMONT Classic ในเวปมีน้อยมากแทบจะไม่รู้เลยว่าสุ้มเสียงสำเนียงเสนาะของมันเป็นยังไงแต่ด้วยความที่มั่นใจในตัว Rudi และทีมเลยตกลงใจโดยที่ไม่ต้องคิดอีกอย่างก็เพราะว่าเงินที่มีอยู่บังคับด้วย ก็ต้องขอขอบคุณอาเสี่ยท่านนั้นมา ณ. ที่นี้ด้วยนะครับที่เป็นธุระติดต่อให้ผมหมดทุกอย่างตั้งแต่เริ่มติดต่อจนกระทั่งวันส่งของโดยที่ไม่ได้คิดใช้จ่ายอะไรเลย นี่แหละครับความน่ารักของชาว TAF ที่หาไม่ได้จากที่่ไหน หลังจากจ่ายภาษีช่วยชาติไปตามจำนวนที่ฟัดเด็กแจ้งมาเจ้า EGMONT Classic ก็ตกมาอยู่ในมือของผมในที่สุด

Specification:
Output Voltage: 900 Vpp
Bandwidth within 3db: 10- 40.000 hz
THD ( out 100Vpp:) 0.15%
Input Impedance: 47 KOhm
Gain: > 45 db
Slew rate: > 600V / uSec
Output Impedance: 100 Kohm
Vacuum Tubes: 2 *12AX7 2*6SN7 เปลี่ยนเป็น Amperex ECC83 กับ RCA CRC-5692 Red Base แทน Stock
Amplification Class: Always A-Class Push Pull
Negative Feed-Back: Zero
Bias (standard): 580 V
Headphone Plug: STAX Pro
ขนาด (cm)/น้ำหนัก (Kg): 35x35x10/7 kg


System ที่ใช้:
หูฟัง: STAX SR-007 MK2 mod
Sources: C.E.C. TL 51XR, Mac mini
DAC: Bel Canto e.One DAC3
สายสัญญาณ: Cardas Golden Reference RCA, HGA Silver Lace
สายไฟ: furutech Alpha 3
หลอด: Amperex ECC83*2 กับ RCA CRC-5692 Red Base*2



ความประทับใจแรก: เสียงที่ได้ยินทีแรกนั้นขอบอกว่า"งง"ครับ เพราะว่าจากที่เคยได้ฟังเจ้า Omega 2 มานี่ที่ผมจำได้แม่นเลยก็คือความ Dark ของมันแต่ว่าครั้งนี้เสียงที่ผมได้ยินมัน Bright ครับเปรียบเทียบให้เห็นภาพง่ายๆ ก็คือคล้ายกับฟัง HD650 แล้วเปลี่ยนไปฟัง K701 ยังไงยังงั้น เลยคิดในใจว่าไม่ถูกแล้วแบบนี้เพราะเสียงในย่านสูงมันเกินไปนิดนึงครับและไม่ค่อยมีเนื้อหนังเสียงเลยออกบางๆ พอลองสลับหลอดดูผลก็ออกมาเหมือนกันไม่ว่าจะใช้หลอดอะไร ดังนั้นเป็นไปได้ประการเดียวก็คือสายสัญญาณคงไม่ match กับเครื่อง ตอนนั้นสายที่ใช้ก็คือ HGA Silver lace จึงต้องไปหาสายที่มีน้ำหนักและเนื้อเสียงมากนิดนึงเพื่อมาเสริมส่วนที่ขาดไปก็มีอยู่หนึ่งรุ่นในใจที่จะให้เสียงแบบนั้นได้ก็คือ Cardas Golden Reference พอต่อเข้าไปแค่นั้นแหละครับอาการแหลมเกินกับเนื้อเสียงบางหายไปเลยเหมือนขาย K701 ไปแล้วแลกเอา HD650 กลับคืนมา ค่อยยังดีหน่อย

รายละเอียด: ต้องยกขึ้นมาพูดก่อนเพราะว่าแอมป์ตัวนี้ให้รายละเอียดได้เทพมากครับ ที่จริงแล้วมีอีกสองสามปัจจัยที่ทำให้ได้รายละเอียดออกมาขนาดนี้ ประการแรกก็คือว่าหูแบบ Electrostatic ขึ้นชื่อในเรื่องที่ให้รายละเอียดดีมาก สองผมเอา Bel Canto e.One DAC3ไปทำ Power Supply มาเพราะของเดิมใช้ไฟ 120V ต้องต่อผ่านหม้อแปลงทำให้ลดประสิทธิภาพของเจ้า DAC ตัวนี้ไปเยอะมากเหมือนกัน และสามตัวที่ช่วยได้เยอะเลยก็คือ Pure Sine 1000 ครับ

เสียงเล็กเสียงน้อยในแผ่นบันทึกการแสดงสดมีให้ได้ยินแบบที่ผมไม่เคยได้ยินมาก่อน ที่บอกเช่นนั้นไม่ได้หมายความว่าได้ยินเพิ่มขึ้นนะครับแต่ผมหมายถึงความสะอาดของเสียงมีมากทำให้ได้ยินรายละเอียดทุกเม็ดแบบที่ไม่มีความมัวอยู่ แอมป์ตัวนี้เด่นมากในเรื่องความสะอาดของเสียง เสียงที่ Sound Engineer ต้องการให้ได้ยินมีครบยิ่งฟังกับเพลงที่มีลูกเล่นในการเล่่นเยอะๆ เช่น Electronica, R&B, Techno, เพลงคลาสสิค, เพลงประกอบภาพยนต์และบันทึกการแสดงสดจะชัดเจนมากครับผม โดยเฉพาะที่ผมชอบมากก็เพลงประกอบภาพยนต์เรื่อง Nim's Island ผลงานของ Patrick Doyle, Jame Shearman&The Holywood Studio Symphony Orchestra นี่แจ๋วมากหรือแม้แต่เพลงของ Berryz Koubou เสียงร้องเล็กๆ ที่เป็นฉากหลังนี่ได้ยินครบถ้วนไม่ตกหล่นเลยครับ อ้อ เกือบลืมแอมป์หรือหูตัวไหนที่ให้รายละเอียดดีมากๆ มันจะมีสิ่งหนึ่งที่ตามมาก็คืออาการ"ขี้ฟ้อง"ครับเจ้าตัวนี้ก็ขี้ฟ้องใช้ได้เลย

ความเป็นดนตรี: สำหรับคู่ขวัญชุดนี้ก็ขอบอกว่ามีสูงมากครับโดยเฉพาะเพลงร้อง เพลง jazz และเพลงแบบแสดงสด แต่ไม่ใช่ว่าฟังเพลงแนวอื่นๆ ไม่ดีนะครับก็ถือว่าทำได้ดีแต่ว่าดีสู้แนวที่ผมบอกไว้เบื้องต้นไม่ได้ เอามาฟังร็อคก็มันส์พอได้เลยทีเดียวเพราะว่าไดนามิคดีมากๆ ความฉับไวในการตอบสนองความถี่ทำได้ดีฟังแล้วนึกถึง Darkvoice 332 ขึ้นมาตะหงิดๆ ผมว่าคล้ายกันในหลายๆ แง่เช่นความฉับไวและความสะอาดเป็นต้น ฟังเพลง The Good fight จากอัลบั้ม MTV Unplugged ของ Dashboard Confessional นี่มันส์มากครับได้อารมณ์มันส์แบบสดๆ ยิ่งเพลงเอก Hands down นี่ขอบอกว่าเล่นได้คอดเทพครับฟังแล้วเกือบๆ เห็นภาพเลยทีเดียวว่างั้น(เว่อร์ซะ) ฟังเพลง"ฝันกลางวัน"ของ Pause ชุด Mild ให้อารมณ์ฝันกลางวันแบบหมาน่อยดูกระสวยอวกาศได้ดีมากเลยแหละ Very Happy

เสียงกลาง: ความเป็นธรรมชาติของเสียงกลางของแอมป์ตัวนี้ดีครับเข้าคู่กับ Omega 2 ดี เสียงกลางพริ้วและต่อเนื่องดีมาก Omega 2 เด่นมากในเรื่องเสียงของเครื่องสายที่ใช้คันสีแต่อย่างที่เคยบอกไว้แต่ EGMONT Classic เด่นในย่านกลางสูงมากกว่ากลางตำ่จึงทำให้เสียงของไวโอลินวิโอล่าดีกว่าเสียงของเชลโล ทำให้ฟังเพลงของ TUXEDO COWBOY ด้อยไปนิดนึงเพราะว่าชุดนี้เน้นเชลโลเป็นหลัก เสียงร้องของนักร้องอย่าง Rebecca Pidgeon, Allison Krauss, OLIVIA, Emi Fujita หรือว่า Suara แจ๋วมากครับ ฟัง Beneath the Rowan tree ของ Emi Fujiita นี่ทำเอาขนลุก เสียงเครื่องเป่าที่เป็นไม้เช่นขลุ่ยก็ใช่ย่อยฟังเพลงเซลติคได้อารมณ์เหงาดีจังยิ่งฟังตอนฝนตกนี่เล่นเอาเคลิ้มเลยทีเดียว เพลงบรรเลงซอของจีนก็แหล่ม

เสียงสูง: เสียงเครื่องเคาะชนิดต่างๆ ที่ได้ยินมีหางเสียงลากยาวมากครับ กระดิ่ง hat แม้แต่ปลายเสียงของเครื่องเป่าชนิดต่างๆ ไม่ขาดห้วนหรือว่า roll off ก่อนที่ควรจะเป็น ตรงนี้หลอดที่ใช้มีส่วนพอสมควรครับเพราะได้ลองสลับสับเปลี่ยนหลอดเข้าออกเพื่อเทียบความต่างก็พบว่าหลอด Stock ของ Sovtek ที่ติดเครื่องมานั้นปลายเสียงแหลมห้วนไปนิดไม่ลากยาวและพริ้วเหมือนหลอด NOS ดีๆ ถ้าเอาแผ่น Persuasive percussion มาเปิดจะโชว์ความเจ๋งของคู่ขวัญนี้ในเรื่องของเสียงแหลมได้เป็นอย่างดี เสียงแหลมกังวานและพริ้วมีลีลาไม่ทื่อมีการเคลื่อนไหวของปลายเสียงให้ได้ยินอย่างชัดเจน

เวทีเสียง ตำแหน่ง มิติและบรรยากาศ: สำหรับเรื่องนี้แผ่นที่อัดใน Studio แบบปกตินั้นจะแสดงออกมาให้ได้ยินได้ไม่ชัดเจนเท่ากับแผ่นแสดงสดแน่นอน สำหรับแผ่นที่ผมใช้เป็นแผ่นอ้างอิงอยู่เป็นประจำก็คือแผ่น The Weavers Reunion in Carnegies hall 1963 เพราะว่าอัดมาค่อนข้างดีครับ เสียงแทมโบลีนของแผ่นนี้ไม่ตายมีการขยับตำแหน่งไปมาให้ได้ยินตลอดตามอารมณ์ของผู้เล่น เสียงไอกระแอมของผู้ชมหรือว่านักร้องมีให้ได้ยินเป็นระยะ เสียงปรบมือก็ธรรมชาติมากที่สำคัญหากใช้หลอดดีๆ ความฉ่ำกังวานของเสียงจะมาเยอะเลย ความกว้างของเวทีเสียงดีมากแต่เท่าที่ฟังมาจะแคบกว่า Woo GES แต่ว่าดีกว่าในด้านลึก เสียงก้องสะท้อนของ Hall ทำให้บอกขนาดของเวทีเสียงได้อย่างชัดเจนโดยเฉพาะเพลง Ramblin' Boy ตอนที่ผู้ชมร้องพร้อมกับนักร้องนี่บอกไม่ถูกครับเหมือนกับว่าไปอยู่ตรงนั้นเลยก็ว่าได้เพราะได้ครบหมดทั้งอารมณ์ร่วมและบรรยากาศ หูแบบเปิดมีข้อดีคือเวทีเสียงจะกว้างและโปร่งมากกว่าแบบปิดทำให้ฟังได้นานๆ ไม่อึดอัดหรือล้าหูได้ง่าย แต่หากทำให้เวทีเสียงถอยออกไปได้อีกนิดจะดีมากคิดว่าหากได้ sylvania metal base มาช่วยคงจะดีกว่านี้อีกเยอะ(หวังว่า)

เสียงต่ำ: จะตกม้าตายหรือไม่อยู่ตรงนี้แหละครับสำหรับแอมป์และหู Electrostatic แต่ว่าก็ถือว่าคู่ขวัญนี้ทำได้ดี ผมได้ถอดเอา Driver ของ Omega 2 ออกมาโมโดยติด Blu tack เข้าไปเพื่ออุดช่องระบายของ Driver ตามวิธีของ spritzer จาก Head-fi พบว่าเสียงเบสออกมามีคุณภาพมากกว่าเดิมครับ กระชับและสะอาดมากขึ้น ส่วนเสียงต่ำลึกทั้งแบบสังเคราะห์และเสียงจริงๆ นี่ถือว่าทำได้ดี driver ไม่มีครางหรือกระพือจากการฟังเพลง Why so serious? ของ Hans Zimmer& James Newton Howard อัลบั้ม The Dark knight และ Raiders March ของลุง John williams อัลบั้ม Indiana Jones&The Kingdom of The Crystal Skull เสียงโน้ตเบสกีตาร์และกระเดื่องกลองแยกขาดจากกันอย่างชัดเจนจากแผ่น DVD Avril lavigne Live at budokan เมื่อเทียบกับเสียงที่เคยได้ยินจาก Woo GES max แล้วต้องขอบอกว่าเสียงตำ่ของ EGMONT Classic ทำได้ดีกว่าครับ

สรุป: สำหรับคู่ขวัญคู่นี้ผมหวังกับมันมากหรือไม่ก็ขอบอกตามตรงว่ามากเพราะว่าต้องจ่ายเงินซื้อมันมาในราคาที่ต้องหมดตัวไปจนถึงสิ้นปีหน้าเลยก็ว่าได้ แถมก็ยังไม่เคยได้ลองก่อนจะซื้อมาอีกต่างหากอีกทั้งข้อมูลในเวปก็มีน้อยมากการซื้อของแบบนี้ถือว่ามีความเสี่ยงสูงไม่แนะนำให้ทำเป็นอย่างยิ่งครับ แต่ทว่าด้วยชื่อชั้นของยี่ห้อที่ผมเชื่อว่าเค้าไม่ทำของออกมาแบบไม่รับผิดชอบนี่ก็ทำให้ผมตัดสินใจซื้อมาอย่างไม่มีลังเลเลยแม้แต่น้อยและก็ขอบอกว่า Rudi ไม่ทำให้ผมผิดหวังเลยจริงๆ คุ้มค่าทุกสตางค์สำหรับ EGMONT Classic ตัวนี้ แอมป์ที่ขับให้ Omega 2 ได้เปล่งเสียงออกมาแบบสดสุดๆ แม้ว่าจะเป็นหูที่เสียงติด dark ก็ตาม ไดนามิคเร็ว กลางแหลมพริ้ว เบสกระชับและลึก เวทีเสียงกว้างและความเป็นธรรมชาติของเสียงดนตรีที่มีอยู่เต็มเปี่ยมและก็สามารถรีดศักยภาพของออกมาได้เยอะมากหากเจอหลอดแจ๋วๆ สุดท้ายนี้ก็อยากจะบอกสั้นว่าผมรักแอมป์ตัวนี้เข้าแล้วครับไม่รู้จะอธิบายอะไรให้ได้มากกว่านี้อีก ข้อเสียของมันมีหรือไม่ก็บอกตามตรงว่ามีครับคือผมรู้สึกว่ากำลังของแอมป์น้อยไปหน่อย เหมือนว่าจะเน้นเสียงแหลมมากไปนิดเข้าใจว่าพยายามทำมาชดเชยความ Dark ให้เสียงออกมาพอดีมากที่สุด อีกอย่างก็คือว่าไวต่อสายสัญญาณมากพอควรเลยทีเดียว

ข้อคิดส่งท้าย: หากมีลูกหลานหมั่นสอนให้ตั้งคำถามให้เป็น จับประเด็นให้ได้ แล้วสรุปให้ลง ที่สำคัญที่สุดแบ่งผิดชอบชั่วดีออกจากกันให้ออก เพียงเท่านี้ลูกหลานก็จะมีทุนอยู่ในใจมากกว่าคนอื่นอีกหลายร้อยเท่า เค้าจะสามารถต่อยอดได้ด้วยตนเองโดยที่เราไม่ต้องเป็นห่วงเค้าอีกต่อไป

ขอให้มีความสุขกับการฟังเพลงครับทุกท่าน Smile

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ผู้ติดตาม