วันอังคารที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

Stardust ดวงดาว ความรัก ความหวัง



ชื่อไทย: สตาร์ดัสต์ ศึกอัศจรรย์ ปาฏิหาริย์รักจากดวงดาว

ผู้กำกับ: Matthew Vaughn
เขียนบท: Matthew Vaughn, Jane Goldman
Producer: Matthew Vaughn, Lorenzo Di Bonaventura, Neil Gaiman
เพลงประกอบ: Ilan Eshkeri
นักแสดง: Charlie Cox, Claire Danes, Michelle Pfeiffer, Robert De Niro, Peter O'Toole, Sienna Miller



ดวงดาว ความรัก ความหวัง

ครั้งหนี่งปรัชญาเมธีได้กล่าวไว้ว่า "เราเป็นมนุษย์เพราะเราได้แต่จ้องมองดวงดาว หรือว่าที่เราได้แต่จ้องมองดวงดาวก็เพียงเพราะเราเป็นมนุษย์ฉะนั้นหรือ" ช่างไร้สาระเสียนี่กระไร
จริงๆ แล้วควรจะถามว่า "ดวงดาวได้มองกลับลงมาดูเราบ้างหรือไม่"ต่างหาก...


จากนิยายภาพขายดีของ Neil Gaiman ผ่านการกำกับของ Matthew Vaughn จนออกมาเป็นภาพยนตร์เพื่อความบันเทิงชั้นดีออกสู่สายตาผู้ชมทั่วโลกในที่สุด ส่วนเค้าทั้งคู่จะเป็นใครมาจากไหนนี่ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันแต่ว่าสิ่งที่ทำให้ผมสนใจหนังเรื่องนี้ก็ด้วยเหตุที่ว่าระหว่างนั่งรอเครื่องบินอยู่ที่เมกาเผอิญเหลือบไปเจอ นสพ. LA times ลงว่าขณะนี้มีหนังนอกสายตาเรื่องนึงกำลังซดหมัดกับหนังฟอร์มยักษ์หลายๆ เรื่องบนตาราง Box office อยู่และหนังฟอร์มยักษ์ที่ว่านี้ล้วนแต่เป็นหนังที่ผมชอบทั้งสิ้นเช่น Bourne Ultimatum และ Transformers เป็นต้น เลยทำให้ผมเริ่มสนใจแถมมีนางเอกสุดน่ารักที่ชื่อว่า Claire Danes เล่นด้วยเลยทำให้ต่อมอยากดูของผมทำงานหนักมากในตอนนั้น



เมื่อได้ดูก็ไม่ทำให้ผมผิดหวังจริงๆ หลังจากหนังจบแล้วผมรู้สึกสดชื่นมากๆ เหมือนกับว่าได้หยุดพักผ่อนสบายๆ หลังจากกรำงานหนักมาทั้งปีอะไรแบบนี้แหละ บอกก่อนครับว่าเนื้อหาของเรื่องนี้สามารถเดาตอนจบได้ไม่ยากแต่ที่ยากก็คือว่ามันจะเดินไปหาตอนจบที่รู้อยู่แล้วนั้นได้อย่างไรต่างหาก เพราะในเรื่องผู้กำกับได้ใส่อะไรต่อมิอะไรลงไปอย่างมากมายทั้งความอัศจรรย์ ความรัก ความเศร้า ฉากบู๊และบทตลกที่มีไม่มากไม่น้อยเกินไปแถม Score ของ Ilan Eshkeri นี่ติดหูมากครับฉากไหนเล่นกับอารมณ์อะไรเค้าก็ใส่เพลงลงไปให้กับเรื่องได้รื่นและงดงามตามแบบของหนังแฟนตาซีได้ดี ด้านล่างมีลองให้โหลดไปฟังกันดูหนึ่งเพลงครับเป็นเพลงที่ขึ้นมาในช่วงพัฒนาแคแรคเตอร์ของตัวละครที่ชื่อว่า Tristan พระเอกของเรื่องที่รับบทโดย Charlie Cox กับการพัฒนาความรักระหว่างพระเอกและนางเอกของเรา ผมว่า Score เพลงนี้นี่เป็นเหมือนบทสรุปของหนังทั้งเรื่องก็ว่าได้คือมีทั้งความสดชื่น ความรู้สึกที่เปี่ยมด้วยรัก ลึกล้ำในจินตนาการและมีช่วงเร่งจังหวะสำหรับใช้กับบทบู๊เจืออยู่ด้วยบางๆ

เรื่องย่อ: ดวงดาวที่ต้องการจะรู้จักความรัก หนุ่มน้อยชาวบ้านที่พร้อมจะทำอะไรให้กับคนรักได้ทุกเรื่อง ศึกชิงบัลลังก์ระหว่างเจ้าชาย สลัดอากาศจอมโหด(หรือเปล่า) แม่มดกับยาอายุวัฒนะ การต่อสู้เพื่อแย่งดวงดาวมาครอบครองเพื่อผลประโยชน์ของตนเองและอื่นๆ อีกมากมาย นี่คือสิ่งทีคุณจะเจอในภาพยนตร์ยาว 127 นาทีเรื่องนี้

การแสดง: การแสดงของนักแสดงทุกคนทำได้เยี่ยมครับเพราะเล่นอัดเอาดาราระดับแนวหน้าและว่าที่แนวหน้าของ Hollywood เข้าไปเพียบเช่น Peter O'Toole, Robert De Niro, Michelle Pfeiffer, Claire Danes, Charlie Cox และ Sienna Miller โดยเฉพาะลุง Bob ที่รับบทเป็นกัปตัน Shakespeare สุดโหดที่แม้ว่าอาจจะออกมาเพียงไม่กี่ฉากแต่ด้วยความเก๋าของลุงแกนี่เล่นเอาผมยิ้มไปจนถึงหัวเราะทุกครั้งที่โผล่มาเลยหละอยากรู้ว่าทำไมใครยังไม่ได้ดูลองไปหามาดูครับ Charlie Cox พระเอกของเรื่องถือว่าสอบผ่านกับบทพระเอกซื่อๆ ที่พร้อมจะทำทุกอย่างให้กับบุคคลอันเป็นที่รัก Claire Danes กับบทของ Yvaine(หากออกเสียงนี่ภาษาไทยไม่เพราะเอามากๆ เลยครับ หุหุ)หรือน้องดาว ที่ยิ้มแต่ละทีนี่เล่นเอาใจแทบจะละลายแถมเรื่องนี้น้องเค้ามีออร่าด้วยนา น่าเสียดายที่ว่าอายุของน้องดาวเยอะมากไปนิดหากเอาน้องเค้าไปเข้าเครื่องลดอายุให้เท่ากับตอนที่เล่น Romeo&Juliet ได้นี่จะลงตัวมากๆ เลยครับ ส่วนป้า Michelle Pfeiffer กับบทแม่มดสาวใหญ่ที่ทั้งน่าชังและน่าสงสารก็เล่นได้ไม่มีที่ติครับ นักแสดงคนอื่นๆ เล่นได้พอเหมาะกับบทบาทที่ตนได้รับ แถมด้วย Sir Ian McKellen(Gandalf ณ. Lord of the Rings, Magneto จาก X-men)ที่มาให้เสียงบรรยายภาษาไทย เอ้ย อังกฤษด้วย Laughing



บทภาพยนตร์: สำหรับผมก็ถือว่าผ่านนะครับสำหรับหนังแฟนตาซีที่ใส่จินตนาการของผู้เขียนได้ไม่จำกัดแบบนี้ Stardust เดินเรื่องได้กระชับดีผู้เขียนบทใช้เวลาในแต่ละฉากไม่มากนักเพราะหนังมีรายละเอียดเยอะ แต่ก็ไม่ได้เยอะมากนะครับเพราะกลุ่มเป้าหมายคือกลุ่มครอบครัวหากลงรายละเอียดมากเกินไปคงจะทำให้มีเจ้าหนูจำไมอยู่เต็มโรง หุหุหุ นี่คงเป็นอีกเหตุผลนึงที่ทำให้เรื่องนี้แลกหมัดกับหนังฟอร์มยักษ์เรื่องอื่นๆ ได้เพราะในช่วงนั้นหนังสำหรับครอบครัวไม่มีลงโรงเลยเท่าที่จำได้
ผมว่าจะทำหนังแฟนตาซีที่มาจากนิยายขายดีให้ออกมาเยี่ยมนี่ยากนะแต่เรื่องนี้นี่ถือว่าทำได้ดีครับแม้ว่าจะมีหลายหลากอารมณ์มากแต่ก็ไม่ได้ทำให้อารมณ์ของหนังสะดุดเลยแม้แต่น้อย บทอาจจะเว่อร์บ้างก็ไม่ว่ากันครับหนังแฟนตาซีนี่เนอะคงไม่มีฉากกาีรซักค้านเอาเหตุเอาผลกันในศาลปกครองหรอก หุหุหุ

บทสรุป: หากอยากดูหนังรักแฟนตาซีที่เปี่ยมด้วยอารมณ์สดชื่นไม่ต้องใช้ึความคิดอะไรมากมายนัก บทบู๊แบบพอดี บทตลกพองาม เพลงประกอบเพราะๆ ละก็ Stardust เป็นอีกตัวเลือกนึงที่คุณต้องไปหามาดูครับ แม้จะดูเหมือนว่าผู้เขียนบทได้ใส่อะไรเยอะแยะเข้าไปในเรื่องแต่กลับทำให้หนังมีความน่าสนใจเพิ่มขึ้นจากความหลากหลายที่มีนี่แหละ ผมอาจจะให้รายละเอียดในเนื้อเรื่องได้ไม่เยอะเพราะว่าพิมพ์ออกมาจากความประทับใจที่มีจากเรื่องนี้ หากใครยังไม่ได้ดูลองหามาดูครับกับหนังที่ดูเอาสนุกและเพลิดเพลินคุณอาจจะเป็นอีกคนที่ชอบเรื่องนี้เหมือนกับผมก็ได้

"The Fairy tale that won't behave เทยนิยายที่ไม่วางมาด" คือบทสรุปสั้นๆ สำหรับเรื่องนี้



ขอให้มีความสุขกับการดูหนังและฟังเพลงครับ

https://www.yousendit.com/download/R3oweUNITmFFd2ZIRGc9PQ <--- หากใครอยากลองฟัง Score Rolling Eyes

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ผู้ติดตาม