วันอังคารที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

This is it ให้มันได้อย่างนี้สิ

This is it ให้มันได้อย่างนี้สิ


Photobucket

This is it
กำกับการแสดง: Kenny Ortega
ออกแบบท่าเต้น: Michael Jackson & Travis Payne
เพลงประกอบ: Michael Bearden
นักดนตรี: Michael Bearden, Alex Al, Bashiri Johnson, Tommy Organ, Orianthi Panagaris, Mo Pleasure
ร้องประสาน: Dorian Holley, Judith Hill, Darryl Phinnessee, Ken Stacey
นักเต้น: Daniel Celebre, Misha Gabriel, Mekia Cox, Nick Bass, Chris Grant, Shannon Holtzapffel, Devin Jamieson, Charles Klapow, Dres Reid, Tyne Stecklein, Timor Steffens

สมัยเมื่อเรียนชั้น ป.๕ ได้ออกจากบ้านนอกเข้ามาใช้ชีวิตอยู่หอกับพี่ชายในตัวจังหวัดมีเทปม้วนนึงที่หน้าปกเด่นสะดุดตามากเป็นรูปผู้ชายผิวดำใส่สูทสีขาวเลยดูเด่นมากเมื่อวางอยู่กับเทปม้วนอื่นๆ นี่เป็นครั้งแรกที่ได้รู้จักกับคนๆ นี้ที่ชื่อว่า Michael Jackson อัลบั้มนี้ได้เปิดหูของเด็กน้อยคนนึงให้รู้จักกับบทเพลงในอัลบั้มที่มีส่วนผสมของดนตรีสารพัดรูปแบบซึ่งตอนโน้้นก็บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าแบบนี้จะเรียกว่าดนตรีในแนวไหนรู้แต่ว่าชอบ

ต่อมาเมื่อโตขึ้นได้ครอบครองเครื่องเล่นเทปเป็นของตัวเองก็เริ่มสะสมเทปผีค็อค เอ้ย พีค็อคซึ่งพอเหมาะกับเงินในกระเป๋าดีเพราะจะซื้อเทปลิขสิทธิ์แท้ๆ ที่เริ่มมามีบทบาทต่อมาสองสามปีหลังจากนั้นก็ยังไม่ไหว แต่สุดท้ายก็ต้องเจียดเงินมาซื้อแต่เทปลิขสิทธิ์อยู่ดีเพราะว่าในภายหลังเทปผีค็อกได้ถูกกวาดล้างจนแทบจะหายเกลี้ยงไปจากแผงเลยก็ว่าได้ จากนั้นเมื่ออัลบั้มที่ชื่อว่า Bad ออกวางแผงก็ไม่รีรอที่จะไปสอยมาเก็บไว้เป็นเทปประจำหัวเตียงซึ่งต้องฟังเป็นม้วนแรกหลังกลับจากโรงเรียนโดยมีเพลง Bad, I just Can't Stop Loving you กับ Smooth Criminal ที่เด็กคนนี้เปิดฟังรอบแล้วรอบเล่าจนร้องตามได้ นี่เป็นประวัติศาสตร์ที่ไม่สลักสำคัญอะไรนักของเด็กบ้านนอกคนหนึ่งแต่ก็ถือว่าทำให้เด็กคนนั้นได้รู้จักนักร้องที่นับว่าเป็นประวัติศาสตร์ที่สำคัญมากอย่างนึงของนักฟังเพลงในยุคนั้นซึ่งตอนหลังส่งผลกับชีวิตของเด็กคนนี้พอสมควรเลยทีเดียวเมื่อเด็กคนนี้โตขึ้นแล้วเริ่มรู้จักที่จะเที่ยวกลางคืนจนสุดท้ายไปจบตรงที่เด็กคนนี้กลายเป็นคนกลางคืนไป

เพลงในอัลบั้ม Dangerous พร้อมกับกระแส Dangerous wolrd tour เป็นกระแสที่รุนแรงมากๆ ในบ้านเราในยุคโน้นทำให้เธคและผับหลายๆ ที่ต้องเอามาเปิดกันทุกคืนโดยเฉพาะเพลง Heal the world ที่จำเป็นต้องเปิดเลยในช่วงเวลาพักถือว่าเป็นอัลบั้มที่โด่งดังสุดๆ อัลบ้ัมนึงในประวัติศาสตร์เพลงสากลเมืองไทยเลยก็ว่าได้แต่เพลงเร็วในอัลบั้มค่อนข้างจะนำมาเปิดกันน้อย(แต่ก็ต้องเปิดตามกระแส)เพราะว่าจังหวะที่แปลกทำให้หาเพลงมาต่อได้ลำบากและคนเต้นตามได้ยากมากๆ ถ้าไม่ใช่แฟนเพลงจริงๆ ในฐานะแฟนคนนึงก็อยากจะบอกว่า MJ นั้นมีลักษณะเฉพาะที่โดดเด่นมากทั้งการแต่งตัว บทเพลง ท่าเต้น วิถีชีวิตซึ่งทำให้เค้าแตกต่างจากคนอื่นมาก เพลงของเค้าแม้จะดูเหมือนว่าไม่ซับซ้อนอะไรมากนักแต่ถ้าลองฟังดูแบบพิเคราะห์แล้วจะพบว่าลูกเล่นนี่ได้ถูกใส่เข้าไปแบบเยอะมากมีลูกแทรกลูกสอดแบบกึ่งๆ ครึ่งจังหวะอยู่เยอะถ้าจะมีนักดนตรีเอามาเล่นตามมักจะลักไก่กันเป็นประจำคือเล่นไม่ครบเม็ดและจะใช้วิธีเนียนแอบข้ามเม็ดแปลกๆ นั้นไป ยิ่งพอได้ฟังบทสัมภาษณ์ของนักดนตรีทีมล่าสุดและทีมสุดท้ายในชีวิตของเค้ารู้สึกประทับใจคำพูดประโยคนึงมากที่ว่า "พอได้มาเล่นจึงได้รู้ว่าเพลงของเค้าเล่นยากมาก MJ เก่งที่ทำให้เพลงที่ซับซ้อนกลายเป็นง่ายได้"

สองสามวันก่อนได้ชมภาพยนตร์เรื่องนี้ซึ่งทำออกมาเพื่อเป็นเกียรติและสดุดีแก่เค้าซึ่งเป็นเทปซึ่งบันทึกระหว่างซ้อมระหว่างเดือนมีนาคมถึงมิถุนายนปี 2552 ก่อนที่จะไปเล่น concert ใหญ่ 50 รอบที่กรุงลอนดอนประเทศอังกฤษเมื่อได้ดูจบลงก็นึกในใจว่าถ้าเค้ายังมีชีวิตอยู่มาเล่น concert ครั้งนี้คงถือได้ว่าเป็นการกลับมาที่ยิ่งใหญ่เต็มภาคภูมิแล้วก็เป็น concert สุดท้ายปิดม่านชีวิตของเค้าได้อย่างสมบูรณ์แบบเลยทีเดียว แม้ว่า step การเต้นและร้องของเพลงต่างๆ จะเหมือนเดิมอย่างที่เคยเล่นมาเมื่อครั้งก่อนๆ แต่ว่าเทคนิคและลูกเล่นใหม่ๆ หลายอย่างได้ถูกใส่เข้าไปในเพลงทุกเพลงทั้งลูกเล่นทางดนตรีและท่าเต้นยังไม่รวมถึงแสงสีบนเวทีที่ทำได้อย่างอลังการ(ถ้าได้แสดงจริงๆ)ซึ่งกำกับเวทีโดยผู้กำกับเวทีคู่ใจตลอดกาลของ MJ คือ Kenny Ortega ผู้กำกับของหนังวัยรุ่นเรื่องหนึ่งในดวงใจของผมคือ High School Musical นั่นเอง ส่วนทีม dancer ที่เปลี่ยนชุดใหม่หมดทั้งชุดเลยก็คัดเลือกจากนักเต้นชั้นเยี่ยมจากทั้งโลกในหลักร้อยมาเหลือเพียงแค่สิบเอ็ดคนเมื่อได้ดูการซ้อมผ่านไปก็ยอมรับว่า MJ และ Kenny เลือกนักเต้นและทีมงานได้เจ๋งจริงๆ แต่ละคนรู้ว่าตัวเองต้องทำอะไรในจังหวะไหนบนเวทีไม่มีหลุดคิว ในภาพยนตร์เรื่องนี้มีแง่มุมเล็กๆ น้อยๆ ให้เราได้เห็นด้านที่น่ารักของ MJ ที่ช่วยให้กำลังใจทีมงานในระหว่างซ้อม เห็นความไว้เนื้อเชื่อใจของเค้าที่มีต่อทีมและวิธีการแนะวิธีเล่นเต้นของ MJ ซึ่งจะว่าไปหาดูได้ไม่ง่ายนักส่วนใหญ่เท่าที่เคยหาวิดีโอของเค้ามาดูก็จะเจอที่เน้นจะเจาะไปที่ตัวของ MJ ไม่ได้ให้ความสำคัญกับคนอื่นๆ แต่สำหรับ This is it นี้ไม่ใช่ เมื่อดูจบแล้วคล้ายๆ กับว่า Kenny ตั้งใจจะสดุดี MJ ผ่านวิธีการทำงานและจากมุมมองของทีมงานชุดสุดท้ายนี้

ภาพของ DVD และ Blu-ray เรื่องนี้ที่ทำออกมาจำหน่ายโดย SONY ถือได้ว่าทำออกมาในระดับที่นำไปใช้อ้างอิงได้เลยทีเดียวโดยเฉพาะ Blu-ray ที่ภาพชัดได้ใจจริงๆ เม็ดสีก็ละเอียดดีมาก เสียงก็อัดมาเยี่ยมที่เด่นมากๆ คือเสียงกลองและเบสที่สดชัดสมจริงเป็นอย่างยิ่งไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวงที่จะมีไว้เก็บบนชั้นถ้าเป็นแฟนตัวจริงของ MJ ส่วนใครที่ไม่ได้เป็นแฟน MJ แต่อยากจะรู้ว่าการซ้อมก่อนที่จะเป็น concert ในระดับโลกได้นั้นเป็นอย่างไรก็แนะนำให้ลองหามาดูครับแล้วจะรู้ว่าในฐานะมืออาชีพนั้นการซ้อมก็คงเป็นสิ่งที่จำเป็นมากๆ ซึ่งมีประโยชน์ตรงที่ทำให้เราไม่พลาดอีกทั้งสามารถแตกลูกได้เทคนิคและสามารถใส่อะไรใหม่ๆ เข้าไปได้ซึ่งเก็บเม็ดได้ในระหว่างซ้อมนั่นเอง ตัว MJ เองที่ถือว่าเกิดมาเต้นและเกิดมาเพื่อเป็น superstar ก็ยังต้องซ้อมและเห็นความสำคัญของการซ้อมมากๆ ถึงมากที่สุดเพื่อที่จะเป็นการคืนกำไรให้กับคนดูบนเวทีซ้อมจะรู้ได้เลยว่าเค้ามีความสุขที่ได้ยืนอยู่ตรงนั้น "บนเวที" ที่ๆ เค้าสามารถจะหนีจากเรื่องอะไรต่อมิอะไรรอบตัวเพื่ออยู่กับตัวเองกับสิ่งที่เค้ารัก "ดนตรีและการเต้น"

Photobucket

"It's an adventure. It's a great adventure. We want to take them places that they've never been before. We want to show them talent like they've never seen before."

ประโยคนี้ของ MJ เป็นหลักการที่ดีมากสำหรับใครที่คิดจะเดินทางในเส้นทางสายดนตรี เป็นแง่คิดที่ดีที่ผมชอบและประทับใจเลยอยากจะให้ทุกคนได้อ่านกัน โชคดีนะMJ RIP

ขอให้มีความสุขกับการดูหนังและฟังเพลงครับทุกท่าน

ปล. ภาพประกอบจากภาพยนตร์ ลิขสิทธิ์โดย MJ company LLC กับ SONY

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ผู้ติดตาม