วันอังคารที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

Up in the Air หากฉันบินบินไปได้ดั่งนก


ผู้กำกับ: Jason Reitman
บท: Jason Reitman, Sheldon Turner
จากงานเขียนของ: Walter Kirn
นักแสดง: George Clooney, Vera Farmiga, Anna Kendrick

ช่วงนี้ถือได้ว่าเป็นช่วงออสก้าร์ฟีเวอร์เลยมีคนเอาหนังรางวัลมาให้ดูแต่ก็ไม่ค่อยมีเวลาได้ดูเพราะงานประจำก็มาถมจนค่อนข้างจะมึนกับชีวิตอยู่พอสมควรแต่ก็ทนเสียงรบเร้าไม่ไหวเลยต้องเอามาลองเปิดดูซะหน่อยเดี๋ยวเค้าจะว่าเอาได้ สำหรับ up in the air ก็เป็นอีกเรื่องที่เค้าแนะนำเลยถือโอกาสหลังจากเคลียร์งานเสร็จเปิดดูซะหน่อยโดยที่ไม่ได้คาดหวังอะไรมากนักในฐานะคนที่(จำต้อง)ชอบเดินทางคนนึง

หนังพูดถึงเจ้าหน้าที่เชิิญคนออกจากงานให้กับบริษัทต่างๆ ที่ประสงค์จะดาวน์ไซส์องค์กรแต่ว่าไม่อยากจะดำเนินการเองที่ชื่อว่า Ryan Bingham ซึ่งด้วยงานนี้เองทำให้เค้าต้องเดินทางไปทั่วอเมริกาเพื่อไปไล่คนออกงานโดยนายคนนี้ก็มีความหมกมุ่นเกี่ยวกับการสะสมไมล์ของสายการบินเป็นอย่างยิ่งเค้าจะทำทุกทางเพื่อให้ได้ตัวเลขไมล์เยอะๆ ไม่ว่าจะซื้อของทานอาหารหรือว่าเข้าพักในโรงแรมไหนขอให้รู้ว่ามีตัวเลขไมล์เพิ่มให้ก็พอ จนกระทั่งได้มาเจอ Alex Goran ผู้หญิงหน้าตาดีมีเสน่ห์ที่ใช้ชีวิตไม่แตกต่างกันมากนักคือต้องเดินทางบ่อยๆ ทำให้ทั้งสองเข้าอกเข้าใจและก่อเกิดเป็นความผูกพันขึ้นในใจขึ้นเงียบๆ กระทั่งมีสาวน้อยน่ารักคนหนึ่งคือ Natalie Keener ที่ก้าวเข้ามาทำงานในบริษัทด้วยคะแนนสูงสุดของชั้นจากมหาวิทยาลัยชื่อดังมานำเสนอโปรแกรมในการทำงานออนไลน์เพื่อลดค่าใช้จ่ายให้กับองค์กร ทำให้พระเอกของเราไม่ค่อยจะพอใจนักแต่ก็จำต้องรับข้อเสนอจากผู้บริหารบริษัทสอนให้ Natalie ได้เข้าใจ concept ของการทำงานที่ช่วยผ่อนความรู้สึกจากหนักเป็นเบาให้แก่ผู้ที่จำเป็นต้องออกจากงานด้วยชั้นเชิงและจิตวิทยาในการพูดชั้นสูงของพระเอกของเรา ทำให้ต่างคนต่างก็ได้เรียนรู้ที่จะมองชีวิตใหม่ในมุมที่แตกต่างจากเดิม

เรื่องนี้ได้เข้าชิงออสการ์ใน 6 รางวัลใน 5 สาขาคือ

-Best Achievement in Directing
-Best Motion Picture of the Year
-Best Performance by an Actor in a Leading Role
-Best Performance by an Actress in a Supporting Role(2 คน)
-Best Writing Screenplay Based on Material Previously Produced or Published(บทภาพยนตร์ดัดแปลง)

ก็นับว่ามากเอาการแต่ก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่เพราะโดยชื่อชั้นของผู้กำกับท่านนี้จาก Juno ที่ทำให้หนังชีวิตธรรมดาออกมาให้ไม่ธรรมดาได้ ที่เด่นมากๆ อีกอย่างคือบทซึ่งตัวผู้กำกับเองก็มีส่วนร่วมในการเขียนด้วยในกรณีนี้ทำให้งานกำกับไม่ยากมากนักเพราะว่าภาพในใจของคนเขียนบทค่อนข้างจะตรงกับภาพที่นำเสนอออกมาจึงส่งผลให้หนังมีพลังมากขึ้น และด้วยความสามารถของนักแสดงเช่นน้าคลูนีย์ของเราก็ทำให้บทที่ดูธรรมดาของพระเอกในเรื่องออกมาไม่ธรรมดาแต่ว่าเนื่องจากมาตรฐานของน้าเค้าดีเลยดูไม่เด่นกว่าบทเรื่องอื่นๆ ของน้าแกทำให้พัฒนาการทางด้านการแสดงของน้าดูไม่ค่อยอัพอินดิแอร์เท่าไหร่นัก อีกอย่างคู่แข่งในปีนี้จากเรื่องอื่นมีแต่เจ๋งๆ ทำให้น้าพลาดรางวัลนักแสดงนำชายไปแต่ก็ไม่เป็นไรเพราะว่าโอกาสที่จะเข้าชิงรางวัลใหญ่นี้ในอนาคตของน้ามีอีกอย่างแน่นอน

ที่น่าประทับใจเป็นอย่างยิ่งคือนักแสดงสมทบหญิงอีกสองท่านคือ Vera Farmiga และ Anna Kendrick คนนี้ตอนเล่น twilight แทบจะกลืนไปกับฉากหลังเลยเพราะดูธรรมดามากๆ แต่มาถึงเรื่องนี้สุดยอดจริงๆ ทำให้รู้ว่าคุณเธอไม่ได้เด่นเฉพาะความน่ารัก ทั้งสองคนช่วยเสริมบทให้น้าได้เป็นอย่างดีโดยเฉพาะฉากที่นั่งคุยกันสามคนใน lobby ลูกรับลูกส่งของแต่ละคนเหลือร้ายทั้งสีหน้าแววตาและภาษาท่าทางดูเป็นธรรมชาติมาก

รายละเอียดและความลึกของบทเข้าท่าเพียงแต่ว่าไม่ประทับใจเท่ากับที่ดู The hurt locker แต่ว่าบทก็สะท้อนมุมมองของผู้ที่เดินทางบ่อยๆ ได้ดีมากทำให้หัวเราะออกมาได้กับหลายต่อหลายฉากเพราะบางเรื่องได้เจอมากับตัวเอง แทบทุกครั้งที่เดินทางไปทำงานแทบจะไม่ได้เห็นอะไรนอกจากสนามบิน ล็อบบี้โรงแรม รถเช่าและก็ร้านขายของในสนามบินและบ่อยครั้งก็ต้องรีบจ้ำไปขึ้นเครื่องเพราะว่าไปติดอยู่ที่จุดตรวจสแกนสัมภาระจนหลังๆ มารู้เลยว่าต้องเก็บของแบบไหนถึงจะ travel light เพื่อเพิ่มความฉับไวในตอนเข้าจุดตรวจได้ ภาพในสนามบินในหนังเป็นภาพที่ผมเชื่อแน่ว่าคงจะเป็นสิ่งที่คุ้นเคยเป็นอย่างมากสำหรับคนอเมริกันที่ต้องบินไปทำธุรกิจระหว่างรัฐเพราะโอกาสที่จะเจอเหตุการณ์คล้ายๆ ในหนังมีค่อนข้างสูง แม้แต่ตัวผมเองก็เคยเจอคนที่เคยโดยสารเครื่องลำเดียวกันในสนามบินอีกรัฐโดยที่ไม่ได้นัดหมายเหมือนกันเพราะว่าถ้าเราใช้บริการสายการบินไหนแล้วส่วนมากมักจะผูกกับสายการบินนั้นๆ อยู่เป็นประจำยกเว้นเที่ยวบินเร่งด่วนเลยทำให้โอกาสที่จะได้เจอกันมีสูง



ไตเติ้ลตอนเริ่มเรื่องของ up in the air ทำได้เก๋จริง ฉากท้องฟ้าตอนปิดเรื่องก็สวยได้ใจ noise แทบไม่มีให้เห็นเลยเป็นหนังที่ transfer ภาพและเสียงจากฟิลม์ลงแผ่นได้ค่อนข้างดีมากคู่ควรแก่การเก็บสะสมไว้ใน collection ของหนัง HiDef อีกเรื่อง หนังเปิดโอกาสให้ได้ใส่โฆษณาแฝงเข้าไปได้เยอะมากๆ เรียกได้ว่าเก็บแค่ค่าโฆษณาก็แทบจะสร้างหนังเรื่องนี้ได้โดยไม่ต้องขอทุนจากสตูดิโอเลยก็ว่าได้ แต่ก็ให้แง่คิดและช่วยเสริมกำลังใจให้กับคนอเมริกันที่จำต้องถูกเลย์ออฟออกจากงานได้เป็นอย่างดีกับบทในช่วงท้ายสุดท้ายที่ทำให้รู้ว่าสิ่งที่เราต้องการเวลาที่เกิดปัญหาก็คือ"กำลังใจ"ไม่ว่าจะเป็นจากพ่อแม่คนในครอบครัวหรือว่าเพื่อนร่วมงาน แต่ที่สำคัญที่สุดและช่วยให้เราข้ามพ้นปัญหาได้ทุกเรื่องเลยก็ว่าได้ก็คือ"กำลังใจจากตัวเราเอง" ขอให้รู้ว่าตัวเราเองนั้นมีค่าอย่าตีราคาตัวเองต่ำกว่าความจริง เพียงเท่านี้ต่อให้เข็นภูเขาเข้าครกก็คงทำได้ไม่ยากจนเกินไปนัก

life'll goes on . .

ขอให้มีความสุขกับการดูหนังและฟังเพลงครับพี่น้อง Rolling Eyes

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ผู้ติดตาม