วันอังคารที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

WALL-E รักเปลี่ยนโลกของหุ่นขี้เหงา



ผู้กำกับ: Andrew Stanton
เรื่อง: Andrew Stanton, Pete Docter
บทภาพยนต์: Jim Reardon

เรื่องย่อ: Wall-E หรือย่อมาจาก Waste Allocation Load Lifter Earth-Class เป็นหุ่นยนต์เก็บอัดขยะในยุคที่โลกกลายเป็นถังขยะใบใหญ่่ ซึ่งอยู่ตามลำพังกับแมลงสาบเพื่อนยากอีกหนึ่งตัวกับมีทีวีและหนังเพลงรุ่น 60s เป็นเพ่ือนแก้เหงา จนกระทั่งวันนึงมีหุ่นสาวสวยก้าวเข้ามาแล้วได้เปลี่ยนชีวิตของเค้าไปตลอดกาล

บทและเรื่อง: ถือว่าเขียนเรื่องออกมาได้ดีนะครับด้วยประสบการณ์ของ Andrew Stanton ที่ผ่านงานระดับเทพมาหลายต่อหลายเรื่องเช่น Finding Nemo, Monster inc., Toy Stories, A Bug's Life เท่าที่ทราบมา Wall-E เป็นเรื่องที่อยู่ในใจของเค้ามานานแล้วแต่โดยเนื้อหาหากว่ากันตามตรงเนื้อเรื่องไม่เอาใจตลาดเลยดังนั้นเค้าจึงต้องรอให้ผลงานพิสูจน์คุณค่าของตัวเค้าก่อนแล้วจึงย้อนกลับมาทำเรื่องนี้ในภายหลัง ซึ่งถือว่าเค้าคิดถูกนะครับไม่อย่างนั้นผมคงไม่ได้ดูผลงานแอนิเมชั่นดีๆ แบบนี้เป็นแน่

รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ของเรื่องถือว่า Jim Reardon[The Simpsons]ผู้เขียนบทเก็บได้ดีครับเช่นเรื่องของสัมผัสของมือที่สามารถจะสื่อถึงอารมณ์ของตัวละครทั้งที่มีชีวิตและไม่มีชีวิต เนื่องจากการสื่อสารในส่วนของคำพูดของหุ่นทำได้จำกัดภาษาร่างกายเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งแต่ก็ติดตรงที่ว่าหุ่นไม่ได้มีสิ่งต่างๆ ที่สามารถแสดงออกให้ผู้ชมได้รับรู้ถึงอารมณ์ต่างๆ เช่นตา ปากหรือสีหน้าได้เหมือนคน การออกแบบภาษาท่าทางของทีมออกแบบจึงเป็นโจทย์ที่ยาก แต่ก็ทำออกมาได้ดีมากครับด้วยดวงตา มือและเท้า(หรือเปล่า)ของตัวละคร Wall-E, EVE และเพื่อนพ้องที่โลดแล่นอยู่บนจอสามารถทำให้ผมหัวเราะ ลุ้น และตื้นตันไปกับพวกเค้าได้เป็นอย่างดี แถมมี iPod วางบน Dock หน้าทีวีด้วยแถมเสียง Restart เครื่องของ Wall-E เป็นเสียงของ Mac ด้วยนี่เจ๋งจริงแต่ก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่เพราะว่า Steve Jobs เป็นผู้ร่วมก่อตั้ง Pixar หุหุหุ



เสียงพูดของ Wall-E ที่แม้จะเอ่ยอะไรออกมาไม่มากนักแต่ก็สามารถทำให้เด็กๆ ที่ไปดูพูดตามได้ไม่ยากนัก(WALLLEEEEEE... EVEEEEEEE) เมื่อมาดูเครดิตถึงไม่แปลกใจเพราะได้พ่อมดทางด้านเสียงของ Hollywood ที่ผมชอบมากตั้งแต่สมัยเริ่มบ้าหนังคือ Ben Burtt มาทำเสียงให้กับเจ้าตัวน้อยนี้ บางคนอาจจะถามว่าตาเบนนี่ใคร เค้าก็คือคสร้างสรรค์เสียงประกอบพิเศษของ ILM หรือ Industrial Light and Magic ในสังกัดของ Lucas film แล้วก็ออกมาเดี่ยวในภายหลัง ตาเบนเคยทำเสียงพิเศษให้กับหนังระดับเทพทางด้าน Sound effect หลายๆ เรื่องที่พวกเรารู้จักกันดีเช่น Indiana jones ทุกภาค Star wars และอีกมากมายประกันความเก๋าด้วยสอง Oscar ด้าน Best Effects, Sound Effects Editing จาก E.T. และ Indiana Jones and the Last Crusade ผมเห็นหน้าเจ้าตัวน้อยนี้ทีไรทำให้นึกถึงหนังเรื่อง Short Circuit ทุกครั้งเลยสิ แอบดีใจอยู่ลึกๆ ที่เค้าจะเอามา Remake ใหม่แต่ก็แอบลุ้นอยู่ด้วยเพราะเกรงว่าจะทำออกมาได้ดีไม่เท่ากับ version ต้นฉบับ

เพลงและหนังประกอบที่ใช้: เพลงพราะดีนะครับได้บรรยากาศของยุค 60s ดีขัดกับตัวภาพในหนังหน่อย แต่ก็ทำให้ไม่น่าเบื่อเพราะเพลงและหนังในยุคนั้นนี่ผมว่าคอดอาร์ทและสามารถสื่อถึงอารมณ์ที่นุ่มนวลได้ดี Wall-E เลือกภาพยนต์เพลงเรื่อง Hello, Dolly ที่นำแสดงโดย Barbra Streisand เป็นแกนเดินเลยทำให้หนังเรื่องนี้นุ่มนวลขึ้นมากเลยครับ



สรุป: ทั้ง Wall-E และ EVE ต่างก็ทำหน้าที่ตามหาบางสิ่งอยู่เช่นเดียวกันจนในที่สุดทำให้ทั้งคู่ได้รู้่ว่าสิ่งที่ตนเองตามหานั้นอันที่จริงแล้วก็คือความรักที่มีให้ซึ่งกันและกันนั่นเอง รักที่เปลี่ยนโลกให้ดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ได้ หนังพูดถึงความรักในหลายมิติเช่นความรักระหว่างหนุ่มสาว เพื่อน พ่อแม่ที่มีต่อลูก งาน สิ่งแวดล้อมและสำคัญที่สุดความรักที่มีต่อ"โลก"ของเรานั่นเอง ดังนั้นสิ่งเหล่านี้เราทุกคนต่างก็มีเช่นเดียวกัน ก็ขอให้ช่วยกันดูแลสิ่งเหล่านี้ให้ดีมอบความรักให้กันและกันอย่างเต็มที่ก่อนจะสายจนเกินไป

ขอให้มีความสุขกับการดูหนังและฟังเพลงครับผม Smile

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ผู้ติดตาม