วันอังคารที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2553

Goodbye Seattle

อีกเดี๋ยวก็คงต้องออกไปขึ้นเครื่องที่ Sea-Tac หรือ Seattle Tacoma Int. Airport สนามบินนานาชาติของมลรัฐวอชิงตันแห่งนี้ สำหรับที่นี่บรรยากาศก็คล้ายๆ เดิมอย่างที่เคยมาเมื่อสามสี่ปีก่อนก็คือฟ้าครึ้มอากาศเย็นสบายสภาพภูมิประเทศที่เขียวไปด้วยต้นสนซึ่งจะเขียวไปตลอดไปจนที่นี่ได้รับฉายาว่า Evergreen State อีกอย่างด้วยความชุ่มชื้นที่มีเยอะทำให้ฝนฟ้าค่อนข้างจะตกชุกอยู่พอสมควรเรียกได้ว่ามาที่นี่แล้วไม่เจอฝนเหมือนจะขาดอะไรไปอย่าง

สภาพในดาวน์ทาวน์ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงตึกรามบ้านช่องก็ดูเรียบร้อยเพราะว่ามีตึกไม่เยอะมากส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะตัวเมืองสร้างอยู่บนตัวเมืองเก่าที่ถูกแผ่นดินไหวถล่มราบลงไป คล้ายๆ กับอยู่บนชั้นสองดังนั้นตึกสูงก็มีไม่เยอะมาก ซึ่งสำหรับตัวเมืองเก่านี้ใครจะเข้าไปเดินเล่นชมดูก็ได้โดยสามารถเข้าไปชมได้ตรงทางลงใกล้ๆ กับตลาด Pike ที่คนจะนิยมไปเดินดูตลาดเก่าๆ กันและที่เด่นมากๆ ที่นั่นก็คือการขายปลาโดยลีลาของคนขายที่จับปลาโยนไปมาเท่ไม่หยอกใครเลย

เมืองนี้เหมาะสำหรับทำกิจกรรมในร่มมากกว่าจะออกไปข้างนอก การศึกษาของผู้คนถือว่าจบกันค่อนข้างสูงโดยที่เกือบๆ ร้อยเปอร์เซ็นต์ของคนในเมืองจบการศึกษาขั้นต่ำในระดับปริญญาตรี สำหรับรัฐวอชิงตันนี้บริษัทใหญ่ๆ หลายบริษัทซึ่งเป็นที่รู้จักกันทั่วโลกถือกำเนิดขึ้นทีนี่เช่น Micorsoft, Amazon, Boeing และก็กาแฟ Starbuck เป็นต้น

ในด้านดนตรีก็ต้องยอมรับว่า Seattle Sound ถือได้ว่าเป็นสายพันธุ์เพลงร็อคที่รุนแรงและกราดเกรี้ยวพอสมควรโดยมีหัวหอกของแนวเช่น Nirvana ที่เป็นต้นแบบของความแรงแบบ grunge เพราะจากบรรยากาศแล้วเด็กๆ หรือว่าวัยรุ่นคงอยากจะหาทางระบายอารมณ์บ้างเหมือนกันเพราะอยู่แต่ในบ้านก็คงจะรู้สึกอึดอัดดังนั้นถ้าได้เล่นดนตรีแรงๆ ในโรงรถก็เป็นทางหนึ่งที่ได้ปลดปล่อยพลังของวัยรุ่นออกมาพอมาอยู่ที่นี่แล้วเลยไม่แปลกใจเลยที่ Seatel Sound มีสำเนียงดนตรีออกมารุนแรงและค่อนข้างกราดเกรี้ยวแบบนั้น

ถ้าใครรักดนตรีที่นี่มีพิพิธภัณฑ์ดนตรีที่ทำได้ค่อนข้างเจ๋งมากๆ สร้างโดยผู้ร่วมก่อตั้ง Microsoft ท่านหนึ่งอยู่ตรง Seattle Center ตรงหน้า Space needle สัญญลักษณ์ของเมืองที่สร้างในงาน World fair ปี 1960 ที่เรียกว่า EMP หรือ Experience Music Project ซึ่งเปิดให้บริการในปี 2000 โดยการออกแบบของตัวอาคารก็ดูบิดๆ เบี้ยวๆ ดูแล้วแนวไปอีกอย่างถ้าใครมาที่นี่แนะนำให้เข้าไปเข้าชมแล้วจะไม่ผิดหวังเลยครับ ที่นี่ก็มีอีกหลายพิพิธภัณฑ์ที่น่าสนใจเช่น Museum of Flight และก็ Children Museum ที่ในบริเวณ Seattle Center ซึ่งเป็นจุดศูนย์รวมของหลายๆ อย่างเป็นจุดศูนย์กลางของ Tourist Attraction ของเมืองเช่น EMP พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แล้วก็พิพิธภัณฑ์เด็ก(ไม่อนุญาตให้เข้าถ้าไม่มีเด็กมาด้วย ถือว่าเป็นมาตรการทางด้านความปลอดภัยที่ดีมาก)

ส่วนตัวบริษัท Boeing ที่เมือง everett ก็เป็นอีกที่ถ้ามีโอกาสก็น่าจะไปดูอาคารปิดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกซึ่งมีพื้นที่ประมาณหนึ่งตารางกิโลเมตรเอาไว้ผลิตเครื่องบินจัมโบ้เจ็ท 747 แต่ตอนนี้ได้ย้ายฐานการผลิตไปที่อิลลินอยเรียบร้อยแล้วแต่ก็ยังมีการผลิตอยู่สำหรับเครื่องรุ่นใหม่ๆ เช่น 777 หรือว่า the upcming Dreamliner 787 เครื่องขนาดกลางรุ่นใหม่ที่ว่ากันว่าประสิทธิภาพเจ๋งสุดๆ โดยเฉพาะระบบปรับความกดอากาศภายในเครื่องที่ทำให้ใกล้เคียงกับอากาศบนระดับน้ำทะเลทำให้ถ้าเดินทางในระยะไกลแล้วผู้โดยสารจะไม่รู้สึกเพลียหรือขาดน้ำเหมือนเครื่องบินรุ่นเก่าๆ ทุุกรุ่น(เค้าว่างั้นนะ)

มา WA แล้วถ้าไม่พูดถึง Microsoft ก็คงจะไม่ใช้เพราะบริษัทยักษ์ใหญ่นี้ซื้อเมืองเป็นเมืองๆ เอาไว้ทำเป็นออฟฟิศพร้อมทั้งซื้ออีกเมืองเป็นที่พักพนักงานของบริษัทซึ่งมีพร้อมสรรพทุกอย่างในเรื่องของความอำนวยความสะดวกไว้ให้ จะว่าไปบรรยากาศที่นี่เหมาะสำหรับให้โปรแกรมเมอร์มาอยู่จริงๆ เพราะว่าทั้งวันนี่แทบไม่อยากจะออกไปไหนด้วยบรรยากาศแบบอึมครึมๆ ฝนจะตกแหล่มิตกแหล่จนเอามาทำเป็นฉากหลังให้กับหนังสือและหนังเรื่อง Twilight ในเมืองเล็กๆ ที่ชื่อว่า Fork นั่นเอง

ตอนนี้ก็คงได้เวลาเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเตรียมเดินทางต่อไปยังเมือง Chicago ที่มลรัฐ IL หรือ Illinoi ว่าแล้วเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาก็ไปดีกว่า..

ผู้ติดตาม