ผมเองเป็นแฟนภาพยนตร์ชุด X-Men มาตั้งแต่ภาคแรกมาจนถึงภาคนี้ซึ่งจะว่าไปก็เป็นตอนที่ 5 ของซีรี่ย์เนื่องจากว่าไม่ได้เป็นแฟนการ์ตูนชุดนี้มาก่อนดังนั้นเบื้องลึกเบื้องหลังหรือพื้นเพของตัวละครต่างๆ จึงไม่มีในหัวมาก่อนเลยได้แต่นั่งดูแล้วก็ทำความรู้จักไปเท่าที่ผู้กำกับนำเสนอออกมาให้ได้ชม ซึ่งก็ต้องขอชม Bryan Singer ซึ่งเป็นผู้กำกับสองตอนแรกที่ได้นำเอาการ์ตูนเรื่องนี้ออกมานำเสนอในมุมที่น่าสนใจจนทำให้เตะตาคนที่ไม่ใช่แฟนแบบผมจนต้องไล่ตามดูมาทุกภาคมากระทั่งถึงตอนล่าสุดนี้(คิดว่าน่าจะมีทำออกมาอีกเพราะมีตัวละครที่น่าสนใจสามารถนำมาเล่นได้หลายตัวเลยทีเดียว)สำหรับภาคนี้ที่่ชื่อว่า First Class นั้นจะว่าไปก็คงจะสืบต่อมาจากจุดเด่นที่ Bryan Singer เองได้พยายามนำเสนอมาตั้งแต่ภาคแรกซึ่งจะว่าไปก็ถือได้ว่าเป็นแกนการเดินเรื่องที่ฉลาดสามารถจับกลุ่มวัยรุ่นไล่ขึ้นมาถึงกลุ่มคนในช่วงวัยกลางคนได้ไม่ยากซึ่งก็คือเรื่องของ"โรงเรียนสำหรับมนุษย์กลายพันธุ์"ที่มี ศาสตราจารย์ Charles Xavier หรือที่รู้จักกันในนามของ Professor X (ฉายาเท่ห์ๆ ตามแบบฉบับของซุปเปอร์ฮีโร่โดยทั่วไป)นั่นเอง


ส่วนตัวผมเองชอบ X-Men ตอนนี้มากครับเพราะรู้สึกว่าทำได้ลงตัวดีโดยเฉพาะในส่วนของบทที่แบ่งระหว่างพื้นฐานทางอารมณ์ของตัวละครและฉากแอคชั่นได้พอดิบพอดีไม่ได้หนักไปทางใดทางหนึ่งมากเกินไปทำให้ดูไปได้เพลินๆ มีผ่อนหนักผ่อนเบาจนลืมไปเลยว่าดูหนังความยาวสองชั่วโมงอยู่ แถมเกลี่ยบทให้ความสำคัญกับตัวละครได้ดีโดยเฉพาะตัวนำของเรื่องคือ Charles Xavier กับ Erik Lehnsherr หรือว่าMagneto ที่ตัวผู้กำกับคือ Matthew Vaughn ที่ผมเองชื่นชอบมาตั้งแต่สมัยกำกับ Stardust หนังของพี่ Matt นี่เดินเรื่องได้เข้าท่าแทบทุกเรื่องเลยเท่าที่ได้ดูมา ที่ว่าเข้าท่าก็คือแกเลือกเดินเรื่องในมุมมองใหม่ๆ แถมรู้ว่าโดยภาพรวมควรจะผ่อนสั้นผ่อนยาวในช่วงไหนไม่ให้หนังไม่น่าเบื่อจนเกินไป รวมไปถึงทีมบทที่ปูพื้นฐานและขีดเส้นใต้เน้นให้ความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครหลักทั้งสองตัวนี้ให้มีมิติในเชิงลึกช่วยเสริมให้บทของภาคก่อนๆ ให้ดูมีน้ำหนักขึ้นมากเลยทีเดียว แถมมีหลอดมุกตลกมาด้วยเล็กๆ มีมุกนึงตอนกลางเรื่องในบาร์เหล้าที่ผมชอบมากๆ ใครที่ดูมาแล้วน่าจะชอบเหมือนกันนะครับสำหรับฉากสั้นๆ นี้

ส่วนเรื่องของเทคนิคทางภาพและเสียงก็หายห่วงครับเพราะเดี๋ยวนี้ถือได้ว่าเรื่องของเทคนิคทางด้านภาพเริ่มจะไปถึงจุดที่อิ่มตัวเพราะดูสมจริงสมจังมาก(แม้บางฉากจะดูหลอกๆ ไปบ้างแต่ก็เพียงเล็กน้อย) อีกอย่างการเลือกตัวแสดงใหม่ๆ มาช่วยเสริมในซีรี่ย์ X-Men นั้นก็ทำให้ดาราหลายๆ ท่านแจ้งเกิดกันไปตามๆ กันเช่น Hugh Jackman, Ellen page และในตอนนี้ดาราที่กำลังทำท่าจะรุ่งอย่าง Jame McAvoy ก็คงจะได้เกิดแบบเต็มๆ กับเค้าซักที(หวังว่านะครับ)หลังจากผลุบๆ โผล่ๆ มาหลายเรื่องขออย่าให้เป็น King of Almost เลย


เมื่อดูจบแล้วก็ได้คิดนะครับว่าตัว Professor Charles Xavier เองที่ตัวนามสกุลพ้องเสียงกับคำว่า Savoir ที่แปลว่าผู้ไถ่หรือผู้ช่วยให้รอดนั้นไม่เคยขาดความหวังกับใครทั้งนั้นเพราะเค้ามีความเชื่อว่ายังไงในตัวมนุษย์ทุกคนนั้นมีความดีแฝงอยู่แม้ในตัวคนที่ไม่ดีที่สุดก็ตาม first class ชั้นเรียนแรกของอาจารย์มือใหม่นักเรียนที่ด้อยโอกาสและมีปมด้อย(ในกรณีนี้คือมนุษย์กลายพันธุ์)บางคนอาจจะสอบตกแต่ด้วยความหวังที่มีอยู่เต็มเปี่ยมในตัวของนักเรียนทุกคน Prof. Charles ไม่เคยหยุดการพัฒนาหรือหมดกำลังใจที่จะช่วยคนหรือนักเรียนให้เป็นได้มากกว่าที่ตัวเค้าเองไม่เคยแม้แต่จะคิด ปมด้อยถ้ารู้จักดึงเอามาใช้้ก็สามารถจะกลายเป็นปมเขื่องได้ แสงเล็กๆ ในที่มืดที่สุดคือแสงที่สว่างที่สุด ความหวังที่ริบหรี่ก็ยังดีกว่าไม่มีความหวัง ผมเชื่อนะครับว่า"เมื่อมีความหวังก็จะเห็นโอกาส เมื่อเห็นโอกาสอุปสรรคต่างๆ ก็เป็นเหมือนบันไดช่วยให้เราก้าวข้ามไปเพื่อนำขึ้นไปสู่จุดหมาย" X-Men First Class ทำหน้าที่เสริมให้กับ X-Men ตอนก่อนหน้าได้ลงตัวดีจริงๆ ถ้าใครยังไม่ได้ไปดูว่างๆ ก็ลองไปดูครับรับรองไม่เสียดายตังค์แน่ๆ ส่วนตัวผมขอยกให้เป็น X-Men ตอนที่ดีที่สุดเพราะลงตัวที่สุดเท่าที่ได้สร้างมา

ขอให้มีความสุขกับการดูหนังฟังเพลงนะครับ