ประวัติและผลงานของข้าราชการในยุคนั้นที่ถือได้ว่าเป็นยุคพลิกแผ่นดินไทยให้เป็นที่ยอมรับแก่นานาชาติ นับว่าเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ในยุคทองยุคหนึ่งของการสร้างชาติไทย และคุณูปการที่สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงฯ ทรงนิพนธ์งานเขียนชิ้นต่างๆ ไว้นั้นที่ได้บรรจุอยู่ในหอสมุดแห่งชาติในตอนก่อตั้งก็คือว่าเป็นพงศาวดารในการสร้างชาติในยุคนี้ก็ว่าได้
ในส่วนของการเขียนของงานนิพนธ์ในสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงฯ นั้นหญิงเหลือ ซึ่งเป็นนามลำลอง(ชื่อเล่น)ของ หม่อมเจ้าพัฒนายุ ดิศกุล ธิดาในสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงฯ เป็นผู้แต่งขึ้นตามคำบอกเล่าและบทบันทึกที่สมเด็จฯ ได้ทรงบันทึกไว้ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ใหญ่หลายๆ ท่านที่ผมได้รู้จักก็ใช้วิธีนี้เช่นเดียวกัน เพราะว่ายิ่งเป็นผู้ใหญ่ถ้าไม่ได้อยู่ในสายงานวิชาการแล้วจะให้เขียนอะไรยาวๆ เป็นไปไม่ได้เลยดังนั้นจะใช้วิธีหา ghost writer เป็นผู้เขียนแทน ในกรณีของสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงฯ ก็คือธิดาของพระองค์นั่นเอง ผู้ที่เป็นสายโลหิตหรือญาติถ้าได้เป็น ghost writer ให้ถือได้ว่างานเขียนนั้นๆ แทบจะไม่มีการแต่งเติมอะไรที่เกินจริงเพราะว่าได้มีความสัมพันธ์มีแนวคิดและได้ประสบกับเหตุการณ์บางเรื่องโดยตรง งานนิพนธ์สำคัญๆ อีกหลายๆ ชิ้นหม่อมเจ้าหญิงพูนพิศมัย ดิศกุลเป็นผู้นิพนธ์ให้สมเด็จฯ ท่านแต่ว่าส่วนมากหม่อมเจ้าท่านจะดูแลงานในส่วนอื่นมากกว่างานเขียน
งานนิพนธ์ของสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพมักจะเป็นงานเขียนก็เก็บข้อมูลที่เป็น"คุณงามความดี"เป็นหลักเรื่องอื่นๆ ที่ตรงกันข้ามหรือเรื่องเกี่ยวกับกรณีพิพาทต่างๆ จะไม่มีบันทึกเอาไว้ซึ่งถ้ามองในมุมของการเก็บบันทึกประวัติศาสตร์ก็ถือได้ว่าไม่ครบมุมแต่ถ้ามองในกรณีของการฝึกคนให้มี positive thinking กับการฝึกให้คนจับดีกันแล้วนับว่าดีมากๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสะท้อนมุมมองในการมองโลกของสมเด็จฯ ท่านไว้ได้อย่างชัดเจนว่าพระองค์ทรงมองโลกในแง่ที่ดีมากๆ ทำให้ไม่แปลกใจเลยที่สมเด็จฯ ท่านได้สร้างสิ่งที่่ดีงามต่างๆ มอบไว้ให้กับประเทศนี้เยอะแยะมากมาย เช่นการต่อตั้งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยสถานศึกษาในระดับอุดมศึกษาที่ถือว่าเป็นอันดับหนึ่งของประเทศ ดังนั้นเรื่องราวที่พระองค์่ท่านทรงนิพนธ์ไว้ควรที่จะได้รับการศึกษาสืบต่อไปและประวัติในเรื่องต่างๆ ของพระองค์ท่านควรที่จะได้รับการจดจำไว้ตราบนานเท่านาน ที่สำคัญที่สุดพระองค์ท่าน "ฝึกคนเป็น"แม้จะต้องย้ายไปทำงานในหน่วยงานอื่นๆ ก็จะไม่เอาลูกน้องเดิมติดไปด้วยยกเว้นเลขาฯ เพื่อจะได้กันคำว่า"พวกเขาพวกเรา"ในที่ทำงานไว้ก่อน แสดงว่าท่านมั่นใจมากว่าสามารถสร้างพวกใหม่ในที่ทำงานใหม่ได้และที่สำคัญลูกน้องเดิมที่ได้ฝึกไว้ในที่ทำงานเดิมก็จะมีโอกาสโตด้วย
"คนฝึกคน"นี้เป็นแบบอย่างที่ดีสำหรับทุกๆ คนที่ยังทำงานอยู่ก็ว่าได้เพราะถ้าทำงานแล้วไม่รู้จักฝึกคนเพิ่มจะทำให้หนึ่ง"เหนื่อยทั้งชาติ" สอง"ไม่มีโอกาสได้พัฒนาตัวเองเพิ่มจากเดิม" ถ้าได้มีโอกาสก็คงจะนำมาพิมพ์ไว้เป็นบันทึกส่วนตัวของผมเองเพิ่มอีก.. อย่างน้อยคืนนี้ได้นึกถึงผู้ที่มีพระคุณต่อประเทศชาติอีกท่านนึงถือว่าก่อนนอนคืนนี้คุ้มแล้ว..
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น