วันจันทร์ที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

ซ้ำซากแต่ไม่ซับซ้อน

นั่งรอขึ้นเครื่องที่สุวรรณภูมิก็ดูนั่นนี่ไปเรื่อยเปื่อยเพราะว่าสิ่งรอบๆ ตัวเรานี้ถ้ารู้จักมองแล้วโลกนี้นี่ไม่มีอะไรน่าเบื่อเลยพูดจากมุมมองของคนที่มีกิจวัตรประจำวันค่อนข้างน่าเบื่อเพราะผมไม่ค่อยชอบจะเปลี่ยนอะไรมากนัก แทบจะเรียกได้ว่านึกไปอีกสามปีข้างหน้าถ้าไม่ถูกเค้าไล่ออกจากงานที่ทำอยู่ก็คงจะมีกิจวัตรประจำวันเหมือนเดิมคือแบ่งเวลาให้งานหนึ่งส่วน ให้คนอื่นๆ อีกค่อนส่วนที่เหลือก็ให้ตัวเองส่วนมากก็จะเป็นช่วงเวลาที่เอาไว้อยู่เงียบๆ เพราะแต่ละวันผมว่าผมให้เวลากับคนอื่นมากไปนิด

จะว่าไปการมีกิจวัตรที่ซ้ำซากนี่ก็ดีนะคือไม่ต้องมีเรื่องอะไรมารกสมองมากนักเพราะแค่เรื่องงานกับเรื่องคนอื่นก็มากพอแล้วถ้ามีเรื่องของตัวเองมั่วๆ แถมเข้ามาอีกนี่คงจะไม่ไหว ตอนนี้หน้าที่หลักๆ คือการพูดซะเยอะก็คงถึงเวลาเอาประสบการณ์ที่ผ่านมานำไปแบ่งให้คนอื่นทั้งแนะแนวการทำงาน,ประสานงานและแก้ปัญหา ลมัยก่อนหัวหน้าเค้าไม่ให้พูดเค้ามีแต่สั่งให้ทำตามบอกว่าตั้งใจทำให้ดีอีกหน่อยจะช่วยคนอื่นได้บอกไปก็นึกไม่ออกว่าทำงานงกๆ จะช่วยคนอื่นได้ไง ตอนนี้เริ่มเข้าใจบ้างแล้วว่าการที่เราตั้งใจทำงานให้ดีในช่วงเริ่มต้นของการทำงานเหมือนการวางฐานรากอาคารชีวิตในงานที่ทำอย่างหนึ่งเหมือนกัน ฐานรากแน่นตึกก็ขึ้นได้สูง แต่ทุกส่วนในองค์กรล้วนแต่สำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน 

มีประธานให้เป้า มีหัวหน้าคอยแนะแนว มีระดับปฏิบัติการไว้ลุยให้งานนั้นๆ สำเร็จลุล่วงไปได้ ที่สำคัญทุกระดับต้องรับฟังกันซึ่งตรงนี้บางจังหวะจะยากหน่อยเพราะประสบการณ์ทำให้มองเรื่องเดียวกันไม่เหมือนกันโอกาสจะกระทบมีสูงมาก สุดท้ายพอกระทบกันจากเรื่องงานกลายเป็นเรื่องส่วนตัวเสียนี่ ถ้าแบ่งเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวออกจากกันไม่ได้มีแต่จะพังอย่างเดียว นอกจากตัวเองที่พังก่อนแล้วก็ลากองค์กรพังไปด้วยถ้าไม่ช่วยกันระวัง

ผมโชคดีหน่อยที่เรื่องส่วนตัวไม่ค่อยยุ่งอย่างน้อยก็ไม่เป็นตัวปัญหาให้คนอื่นแล้วก็พอแก้ปัญหาให้คนอื่นได้นิดๆ หน่อยก็ถือว่าเป็นกำไรชีวิตแล้ว ขอขอบคุณ"กิจวัตรอันซ้ำซากแต่ไม่ซับซ้อน"มา ณ. ที่นี้ด้วย...

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ผู้ติดตาม