วันพฤหัสบดีที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2553

เวลคั่มทูลอสแองเจลลิส

ไม่ได้มีเหตุให้ต้องมาที่นี่หลายปีครั้งนี้ถือว่าเป็นโอกาสดีที่ได้เดินทางมาอเมริกาอีกครั้ง ก็เช่นเคยที่เคยปฏิบัติมาถ้าเป็นไปได้ก็จะใช้บริการเอื้องหลวงการบินไทยบนตรงลัดมหาสมุทรแปซิฟิคข้ามตรงมาขึ้นฝั่งที่แอลเอเลยซึ่งเที่ยวบินตรงนี้จากประสบการณ์ที่ผ่านมาทำให้ปรับเวลาได้เร็วกว่าเที่ยวบินที่ต้องแวะพักที่กลางทางอีกทั้งยังเหนื่อยน้อยกว่าด้วยเพราะสามารถพักได้ยาวกว่าปกติบนเครื่อง เท่าที่สังเกตุดูระหว่างอยู่บนเครื่องพบว่าจำนวนที่นั่งของชั้นธุรกิจเพิ่มขึ้นจากเดิมเมื่อเทียบกับสัดส่วนของชั้นพรีเมี่ยมและอีโคโนมิคก็มานั่งนึกๆ ว่าคนมีฐานะคงจะนิยมไฟลท์ตรงนี้เพิ่มมากขึ้นจากเดิม อีกอย่างจากที่เที่ยวบินตรงนี้มีลดจำนวนวันในสัปดาห์ลงไปช่วงหนึ่งแต่ตอนนี้กลับมาให้บริการทุกวันเช่นเคยเลยเดาเหตุผลว่าส่วนหนึ่งมาจากจำนวนที่นั่งของชั้นธุรกิจเพิ่มขึ้นนี้เองทำให้เที่ยวบินตรงแบบนี้พอจะคุ้มทุนมากขึ้น

เครื่องบินใช้เวลาเดินทางสิบสามชั่วโมงสี่สิบกว่านาทีมาถึงก่อนเวลาที่กำหนดไว้เล็กน้อยตามปกติของการบินตามกระแสลมมาเมื่อเครื่องลงแตะพื้นที่ LAX สิ่งหนึ่งที่แปลกไปก็คือว่าตามปกติสมัยที่คุณบุชเป็น ปธน. Homeland Security ค่อนข้างจะเข้มงวดมากๆ เมื่อเครื่องบินลงแล้วก่อนที่จะเขาเทียบเกทก็จะให้ดับเครื่องแล้วมีรถมาลากเข้าไปไม่ให้เครื่องบินเคลื่อนเข้าไปเทียบเกทตามปกติเพราะเกรงว่าอาจะมีการก่อวินาศกรรม(สงสัยแหยงจากเหตุการ 9 11) นี่แหละน้าไปทำเค้าไว้ก่อนไปก่อสงครามซะทั่วนอกบ้านตัวเอง แบบนี้ละมั๊งที่เค้าเรียกว่าให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัว

พอเข้าไปที่ ตม. ตรวจเอกสารเข้าเมืองที่พึ่งปรับปรุงใหม่เมื่อสามปีที่แล้วก็มีอะไรหลายๆ อย่างแปลกตาไป เช่นบูทที่เข้าไปปั๊มเข้าเมืองก็เปลี่ยนเป็นบูทสเตนเลสแบบสากดูไฮเทคดีใช้ได้ มีแท่นแสกนนิ้วมือครบห้านิ้วรุ่นใหม่แทนแป้นสีแดงแบบเดิมก็เปลี่ยนมาเป็นใช้ไฟสีเขียวแบบใหม่พร้อมกล้องถ่ายรูปขนาดจิ๋วที่ดูมีราคากว่าเวปแคม logitech ที่เคยใช้ แต่ที่พัฒนามากขึ้นก็คือ จนท. ที่ทำงานได้รวดเร็วมากกว่าเดิมเยอะเลยส่วนหนึ่งอาจจะเป็นจำนวนบูทที่เพิ่มมากกว่าที่เคยเห็นนั่นเองทำให้แถวที่รอไม่ยาวมากพร้อมทั้งมีระบบจัดการเคลียร์ไปทีละสายการบินเพื่อความรวดเร็ว เช่นเคยสำหรับเพื่อนๆ ที่มายืนรอตรวจคงเข้าเมืองก็เป็นพี่น้องจาก China Airline EVA และ Thai Airways Int. รวมไปถึงสายการบินของประเทศในแถบเอเชียอีกสองสามสายการบิน

ผ่าน ตม. ไปถึงพี่ศุลตรวจส่งของต้องห้ามเข้าประเทศเช่นพวกพืช ผัก เมล็ดพันธุ์ และสินค้าต้องสำแดงหลายๆ รายการที่พี่ศุลจะเข้ามาเลือกสุ่มตรวจดูซึ่งรอบนี้ก็ได้รับความเมตตาจากพี่ศุลฯ ชาวฮิสแปนิคท่าหนึ่งเลือกสุ่มเราออกจากแถวไปตรวจพิเศษก่อนใครจะว่าโชคดีก็ได้ก็เพราะว่าเข้าแถวอยู่ท้ายๆ พอพี่เค้าลากออกจากแถวไปก็ได้แซงคิวพวกไปก่อนเพื่อน เมื่อก่อนตอนผ่านพี่ศุลจะเร็วกว่านี้มาก ตอนนี้พี่ศุลฯ ของพี่กันเริ่มเขี้ยวมากขึ้นคงเป็นเพราะมีการลักลอบเอาสินค้าและอื่นๆ เข้าไปมากขึ้นตรงนี้ก็สะท้อนนโยบายของประเทศได้เหมือนกันคือว่าหากประเทศมีนโยบายทางการทหารแบบเข้ม ตม. ก็ต้องทำงานหนักหน่อยเพราะเกรงว่าจะมีพวกที่ไม่ค่อยชอบที่พี่กันไปทำแบบนั้นเช้าประเทศมาโจมตีตัวเอง พอนโยบายเป็นไปเป็นเน้นไปทางเศรษฐกิจก็จะมีพวกทีคอยเสาะแสวงหาผลประโยชน์จากส่วนนี้ถือโอกาสเอาของเข้าไปขายในประเทศมากขึ้นเพื่อหากำไรเข้ากระเป๋าตัวเอง พอได้รับการแกะกระเป๋าออกมาตรวจแล้วไม่พบสิ่งของต้องสำแดงใดๆ ก็ผ่านด่านพี่ศุลฯ ไปอย่างเรียบร้อยไม่เสียอารมณ์คนอื่นๆ จำนวนเกือบร้อยที่ถูกเราแซงคิวไปเพราะว่าเราเป็นผู้ได้รับเลือก(ขอขอบคุณพี่ศุลฯ เม็กมา ณ. ที่นี้ด้วยที่ช่วยย่นระยะเวลาให้)

พอออกมาจากพี่ศุลก็พบบรรยากาศที่คุ้นเคยคือมีคนมารับพี่ๆ น้องๆ และหมู่ญาติที่เดินทางมาจากต่างประเทศกันเยอะแยะจนแน่นขนัดส่วนหนึ่งที่ยืนรอก็มีของเราด้วยที่มารับ พอออกมาจากเทอร์มิน่อลมาขึ้นรถได้ก็รู้สึกสบายใจเพราะอีกไม่นานก็จะได้พักแล้ว อากาศที่ออกมาให้สูดตอนลงจากรถเมื่อถึงที่พักก็สดชื่นดีถือว่าอากาศเย็นกำลังดีคือสิบสองสิบสามองศาก็คงต้องรอดูต่อไปว่าทริปนี้จะได้อะไรมั่งที่เปลี่ยนแปลงไปจากเที่ยวอื่นๆ ...

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ผู้ติดตาม