วันพุธที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2553

นักพูด นักฟัง นักทำ

ครูของผมท่านสอนว่า "นักพูดเป็นผู้สร้างความหวัง นักฟังเป็นผู้สร้างความจำ นักทำเป็นผู้สร้างความจริง" ซึ่งในฐานะของผู้นำประเทศควรที่จะมีคุณสมบัติทั้งสามประการนี้ให้ครบแล้วนำมาใช้ตามจังหวะเวลาที่เหมาะสมถึงจะถือว่าเยี่ยม

ระหว่างเลือกตั้งหรือว่าในระหว่างที่รับตำแหน่งสมควรที่จะ"สร้างความหวัง"ให้เกิดกับประชาชนและผู้มีสิทธิเลือกตั้งเพราะในระหว่างการเลือกตั้งถือได้ว่าเป็นสุญญากาศทางการบริหารอย่างหนึ่งก็คงจะไม่ผิดเนื่องจากผู้ที่รักษาการจะทำอะไรก็คงไม่ถนัดนักเนื่องจากการบริหารตั้งอยู่บนพื้นฐานแห่งการตัดสินใจ ถ้าไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะตัดสินใจก็จะบริหารไม่ได้ ดังนั้นในระหว่างที่ไม่มีการตัดสินใจอะไรถ้าประชาชนไม่่มีอะไรให้หวังบ้างสภาวะต่างๆ ทางด้านเศรษฐกิจและสังคมก็จะระส่ำระสาย ดังนั้นนโยบายต่างๆ ที่สามารถจะนำมาใช้ได้เพื่อให้เกิดความหวังก็สมควรที่จะประกาศให้ได้ทราบทั่วกัน มีพรรคการเมืองหนึ่งเคยพยายามหาวิธีสร้างความหวังในเชิงข้อมูลโดยทำวิจัยเรื่องความต้องการของประชาชนแล้วก็นำมาสรุปเป็นนโยบายสี่ห้าข้อที่เป็นไปเพื่อสร้างความหวังให้เกิดกับประชาชนในยุคที่กำลังใจของผู้คนกำลังอ่อนแล้วนำไปเสนอในระหว่างหาเสียง ปรากฎว่าได้ผลดีหลังจากการเลือกตั้งผ่านไปทำให้ได้คะแนนเสียงอย่างท่วมท้นส่งผลให้ได้เข้ามาบริหารบ้านเมืองในที่สุด ถือได้ว่าได้รับฟังความต้องการของประชาชนแล้วนำมาสร้างความหวังให้กับเค้าไปในขณะเดียวกัน

เมื่อ "รับฟังเสียงจากประชาชน"แล้วจำให้ขึ้นใจว่าเคยสัญญาอะไรกับเค้าไว้ จากนั้นก็มอบสิ่งนั้นกลับไปให้กับเขาเหล่านั้นให้ได้ ถ้าทำไม่ได้ก็ไม่สมควรที่จะอยู่บริหารบ้านเมืองต่อไป เหมือนข่าวที่ได้อ่านคืนนี้จาก NY Times เกี่ยวกับเรื่องนายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่นที่ชื่อว่านาย Yakio Hatoyama คงจะลาออกเร็วๆ นี้เนื่องจากรักษาสัญญาที่เคยให้ไว้กับประชาชนไม่ได้รวมไปถึงไม่กล้าจะตัดสินใจในเรื่องต่างๆ อีกทั้งไม่อาจจะแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจที่รุมเร้าได้แม้ว่าเรื่องนี้จะเป็นปัญหาที่ทุกประเทศในโลกประสบอยู่ก็ตาม นับว่าเป็นนายกคนที่สี่ในรอบสี่ปีที่ผ่านมาที่จะลาออกซึ่งจะว่าไปก็เป็นประเพณีของผู้นำประเทศนี้อย่างหนึ่งเหมือนกันที่ทำอย่างนี้

ในกรณีที่พรรคใดก็ตามสามารถจะผ่านสนามเลือกตั้งเพื่อเข้าไปบริหารประเทศหรือแม้แต่เป็นฝ่ายค้านก็สมควรที่จะทำให้สิ่งที่ตัวเองได้รับปากประชาชนไว้ให้ออกมาเป็นรูปธรรมหรือ"สร้างฝันนั้นให้เป็นจริง"เพื่อตอบแทนความไว้ใจของประชาชนที่มีแก่พรรค บางพรรรคที่ผ่านมาในอดีตให้เคยจัดทีมทำงานหลังจากทำวิจัยจนได้ความต้องการของประชาชนออกมาว่าจะทำสิ่งเหล่านี้ออกมาให้กับประชาชนได้อย่างไรก่อนที่จะประกาศเป็นนโยบาย หลักจากคิดวางแผนการทำงานเสร็จจนสามารถประกาศเป็นนโยบายออกมาแล้วทำให้ประชาชนพอใจเลือกเข้ามาบริหารประเทศก็สามารถจะทำสิ่งที่ได้สัญญากับประชาชนไว้โดยไม่ยากเย็นมากนักเพราะได้คิดเตรียมทีมไว้ก่อนแล้ว ไม่เหมือนกันหลายๆ พรรคในอดีตที่สร้างดีมานด์เทียมโดยโปรยความฝันไปทั้งบ้านทั้งเมืองแล้วก็ไม่สามารถจะทำสิ่งที่ได้โปรยเอาไว้นั้นให้ตกลงมาจากฟ้าได้ กลายเป็นเพียงแต่สายลมที่พัดมาแล้วก็ผ่านไป..

เลือกอะไรมาใช้ต้องเหมาะกับเวลา สถานการณ์และอารมณ์ของคนแล้วสิ่งนั้นจะสามารถแผลงฤทธิ์ออกมาได้อย่างเต็มที่..

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ผู้ติดตาม