วันเสาร์ที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ผ้าขี้ริ้ว

เมื่อคืนวานเดินตรวจ site ก่อสร้างอยู่ขากลับฝนกระหน่ำซะชุ่มฉ่ำหัวใจแต่อย่างน้อยก็พอช่วยทำให้ความร้อนอบอ้าวระหว่างวันเย็นลงได้ทันใจแล้วก็มีแถมสายฟ้าฟาดมาเป็นระยะๆ นึกแล้วก็อยากได้กล้องติดมือมาจริงๆ เพราะภาพสายฟ้าที่ฟาดลงมานั้นก็ดูสวยไปอีกแบบ พอเดินกลับมาถึงที่พักเห็นผ้าเช็ดเท้าเปียกฝนอยู่ก็นึกถึงเรื่องที่ผู้ใหญ่ท่านนึงได้เล่าให้ฟังว่ายายของท่านสอนไว้ว่าอย่างไรในตอนยังเด็ก ฟังแล้วก็นึกถึงภูมิปัญญาและปรัชญาในการมองโลกของผู้เฒ่าผู้ผ่านโลกมาเกือบศตวรรษว่าไม่ธรรมดาเลยจริงๆ

ท่านเล่าให้ฟังว่าเมื่อยังเด็กหลังเลิกเรียนถ้าไม่ได้ไปเล่นน้ำในแม่น้ำนครชัยศรีหรือไม่ได้ไปเล่นซนที่ไหนก็จะเข้าบ้านไปช่วยงานคุณยาย วันหนึ่งท่านขึ้นไปบนเรือนเจอคุณยายกำลังตำหมากอยู่ท่านก็เข้าไปนั่งรอรับคำสั่งว่าเย็นนี้จะให้ทำอะไรพอเห็นคุณนายหยิบหมากขึ้นมาเคี้ยวแล้วน้ำหมากเลอะตรงมุมปากท่านก็บอกคุณยายให้ได้ทราบว่าน้ำหมากเลอะ คุณยายก็หยิบเอาผ้าขี้ริ้วขึ้นมาเช็ดปากท่านก็บอกว่า "เช็ดได้ยังไงยาย นั่นผ้าขี้ริ้วนะ" ยายก็ตอบว่า"ผ้าขี้ริ้วข้าสะอาดกว่าชุดนักเรียนเอ็งซะอีก" ท่านก็บอกว่าตอนนั้นนึกในใจว่า "เออ จริงแฮะ ผ้าขี้ริ้วยายสะอาดกว่าเสื้อผ้าท่านจริงๆ นั่นแหละ" เพราะว่าคุณยายของท่านซักผ้าขี้ริ้วอยู่เป็นประจำทุกวันแถมซักบ่อยและต้องพิถีพิถันกว่าเสื้อผ้าซะอีกเพราะว่าผ้าขี้ริ้วเอาไว้เช็ดสิ่งสกปรกต่างๆ ดังนั้นถ้าไม่ซักให้สะอาดแล้วคราบต่างๆ ก็จะไปติดกับสิ่งที่เอามันไปเช็ด ท่านก็เลยสอนว่าบางทีคนเราถ้าจะช่วยทำให้คนอื่นสะอาดบางทีอาจจะต้องช่วยรับความสกปรกของเค้าไว้ด้วยพูดง่ายๆ ก็คือว่าบางเวลาก็ต้องยอมเปื้อนบ้างเหมือนกัน แต่ถ้าทำเช่นนั้นแล้วตัวเราเองก็ต้องยิ่งทำตัวให้สะอาดมากกว่าปกติอีกเพราะถ้าทิ้งไว้นานๆ คราบสกปรกภายนอกจะติดเข้าไปภายในแล้วมันจะขัดไม่ออก สุดท้ายก็จะกลายเป็นสิ่งสกปรกที่รอให้คนอื่นมาช่วยขัดแทนที่จะเป็นฝ่ายช่วยให้เค้าสะอาด

นอกจากนั้นก็มีอีกเรื่องที่ยายท่านสอนแล้วท่านก็จำมาจนกระทั่งวันนี้ถือเรื่องผ้าเช็ดเท้า เวลาที่ฝนตกคุณยายของท่านก็จะรีบไล่ท่านไปเก็บผ้าเช็ดเท้าก่อนด้วยความเป็นเด็กช่างสงสัยท่านก็เลยย้อนถามยายไปเช่นเคยว่า "ทำไมต้องเก็บผ้าเช็ดเท้าก่อนล่ะยาย ผ้าที่ตากไว้เป็นราวไม่ต้องไปเก็บก่อนเหรอ" ยายท่านก็เลยบอกว่า "ผ้าบนราวเก็บทีหลังได้เพราะว่าอย่างมากมันก็แค่เปียก แต่ว่าผ้าเช็ดเท้านี่ที่ต้องรีบเก็บก็เพราะบ้านเราเป็นสวน(อยู่อำเภอนครชัยศรี)ถ้าไม่รีบเก็บปล่อยให้มันเปียกอยู่อย่างนั้นถ้าคนเดินขึ้นเรือนแล้วเอาเท้าที่เปื้อนโคลนเช็ดผ้าเปียกๆ รับรองว่าคราบเท้าได้เปื้อนไปทั้งเรือน" อย่างนี้นี่เองเป็นเค้าเรียกว่าผู้ใหญ่ที่ละเอียด มองการณ์ไกลแล้วก็รอบคอบ มิน่าคนสมัยโบราณถึงสร้างบ้านแปงเมืองจนมีประเทศไทยนี้ให้เราอยู่มาจนถึงทุกวันนี้ได้ก็เพราะภูมิปัญญาแบบนี้นี่เอง

เมื่อเห็นผ้าเช็ดเท้าเปียกฝนทีไรต้องนึกถึงเรื่องนี้ทุกทีไปสิ ดีนะที่รอบบ้านสะอาดแถมเรายังใส่รองเท้าด้วยไม่อย่างนั้นเดินเข้าบ้านคงจะเละน่าดู แต่ยังไงก็ตามถ้าฝนจะตกควรอย่างยิ่งที่จะต้องเก็บผ้าเช็ดเท้าหรือผ้าอะไรก็ตามที่อยู่นอกบ้านเป็นการฝึกนิสัยกันไว้ดีกว่าแก้และรับผิดชอบต่อของใช้ในบ้านของเราด้วย ถ้าเราไม่อยู่ก็ต้องบอกให้คนใช้หรือว่าลูกหลานได้ทำแบบนี้ให้เป็นนิสัยแล้วอีกหน่อยด้วยเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้แหละที่จะช่วยให้ลูกหลานเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดีมีคุณภาพได้ในอนาคต..

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ผู้ติดตาม