วันพฤหัสบดีที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2556

เริ่มต้นกับโฮมเธียเตอร์

ย้อนหลังกลับไปเกือบๆ ยี่สิบปีก่อนด้วยความคันในหัวใจอยากจะมีโฮมเธียเตอร์เป็นของตัวเองซักชุดนึงก็ดั้นค้นหาข้อมูลและฟังเปรียบเทียบ AVR ในระดับเริ่มต้นหลายๆ ยี่ห้อ(จะว่าไปโดยงบที่มีก็แค่สามสี่ยี่ห้อเท่านั้นที่พอจะเอื้อมถึง)สุดท้ายก็ได้  AVR DENON มาตัวนึงจากงานแสดงเครื่องเสียงที่ซื้อก็เพราะว่ามหาจักรเค้าลดราคารุ่นนี้ค่อนข้างเยอะถ้าจำไม่ผิดกำลังขับ 70W ต่อ 5Ch ซึ่งระบบเสียงในสมัยนั้นก็มีเพียงแค่ Dolby Prologic ที่ตำแหน่งช่องสัญญาณด้านหลังเป็นโมโนยกเว้น AVR รุ่นใหญ่ๆ ที่ได้ประทับตรา THX ที่จะมีโหมดเสียง THX Surround ที่ทำการหน่วงและหลอกให้ฟังแล้วคล้ายๆ กับเป็นช่องสัญญาณสเตอรีโอซึ่งในยุคโน้นสมัยโน้น Processor Surround รุ่นใหญ่ของยี่ห้อเทพทั้งหลายให้เสียงออกมาน่าประทับใจมากๆ ในระดับนึงเลยทีเดียวแต่เราเองเนื่องจากเบี้ยน้อยหอยน้อยก็ใช้ DENON ลดราคาไปก่อนก็แล้วกัน

AVR ในระดับเริ่มต้นในสมัยโน้นก็หนีไม่พ้น YAMAHA, Pioneer, DENON ที่เข้ามาตีตลาดระดับล่างขึ้นไปซึ่งก็มีบุคลิกเสียงแตกต่างกันไปพอสมควรจนกระทั่งทุกวันนี้เท่าที่ได้ลองฟังดูก็พบว่าแต่ละยี่ห้อก็รักษาจุดเด่นของตัวเองไว้ได้เป็นอย่างดียกเว้น DENON ที่รู้สึกว่าจะหายไปจากตลาดโฮมฯ ของบ้านเราไปแล้ว สรุปคร่าวๆ จากที่เคยได้ฟัง YAMAHA ให้เสียงโอบล้อมดีมาก เสียงใสๆ เนื้อเสียงติดบางพอสมควรในรุ่นเริ่มต้นถ้าจัดเข้าชุดกับลำโพงของเค้าจะดี  Pioneer เนื้อเสียงแน่นหนัก ดูหนังสนุกแต่ฟังเพลงไม่ค่อยดีติดแข็งๆ Marantz ฟังเพลงเข้าท่าเนื้อเสียงลื่นไหลดูหนังก็เข้าขั้นดีติดตรงที่ออกจะเรียบร้อยไปนิดแต่ถ้าเอามาใช้งานกึ่งๆ ดูหนังฟังเพลง 50/50 ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดีมาก

หลังจากได้ AVR ตัวแรกมาแล้วก็มาถึงในส่วนของลำโพงซึ่งก็ได้อานิสงส์หลังจากไปตะลอนทำงานมาหนึ่งคู่คือ BOSE 301 SeriesIII ซึ่งผมว่าเอามาดูหนังค่อนข้างดีทีเดียวเนื่องจากเป็นลำโพง Direct Reflecting ที่ต้องอาศัยเสียงสะท้อนผนังด้านข้างและด้านหลังทำให้แม้ว่าจะมีลำโพงเพียงคู่เดียวก็ให้สนามเสียงที่โอบล้อมตัวเราได้โดยอาศัยเทคโนโลยีแบบนี้ของเค้าถ้าใครเอาเพลงที่อัดมาแบบแนวๆ เช่นเพลงของ Deep Forest ก็จะได้เสียงรอบทิศจากลำโพงเพียงคู่เดียวแต่ก็ต้องอาศัยตำแหน่งวางช่วยด้วยคือต้องให้ช่วงว่างด้านข้างกับด้านหลังระหว่างลำโพงกับผนังมากกว่าการตั้งลำโพงปกติหน่อยนึงถ้าเจอห้องฟังเล็กลำโพงแบบนี้แทบจะหมดราคาไปเลยก็ว่าได้

มาถึงตอนนี้ด้วยความที่ว่าไม่มีคนแนะนำอะไรอาศัยประสบการณ์แบบเด็กบ้านนอกที่ต้องขอหยิบยืมลำโพงจากพี่ๆ เพื่อนๆ มาลองก็พบว่าในรูปแบบของการดูหนัง Multi CH ลำโพงยี่ห้อเดียวกันเมื่อนำมาเข้าชุดจะทำให้ชุดดูหนังได้รีดศักยภาพของมันออกมาได้มากขึ้นโดยที่ไม่ต้องไปทำอะไรมากมายกับมัน ส่งผลให้ความต่อเนื่องของสนามเสียงมีความกลมกลืนกันแม้จะเพียงเพียงแค่ Dolby Prologic โดยมี Video Hifi ในระบบ Stereo ที่ต้องอาศัยซื้อม้วนเทปจากร้านแมงป่องหรือของ CVD เป็นแหล่งโปรแกรมมาเปิดก็ตามทีแต่เพียงเท่านี้ก็ให้ความสุขกับผมได้อย่างมากมาย จะว่าไปสิ่งที่ทำให้ผมอยากได้โฮมเธียเตอร์ก็เพราะได้ไปลองฟังระบบ Laserdisc ที่ร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าใกล้ๆ บ้านเปิดโชว์หนังเรื่อง TopGun เป็นตัวจุดประกายเท่านั้นซึ่งผมคิดว่ามนุษย์เงินเดือนคนชั้นกลางทั่วไปก็คงจะเริ่มต้นแบบนี้เป็นจำนวนไม่น้อยแล้วก็ค่อยๆ ขยับขยายเติบโตไปเรื่อยๆ ไม่ก็เลิกเล่นเปลี่ยนแนวไปทำอย่างอื่นก็คิดว่าคงมีจำนวนไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน

การใช้ม้วนวิดีโอเป็นแหล่งโปรแกรมก็ช่วยเปิดประสบการณ์ของหนังที่ให้เสียงออกมาในรูปแบบ stereo แม้ว่าจะเสียอารมณ์กับสัญญาณรบกวนทางด้านภาพและเสียงตามคุณภาพของม้วนเทปอยู่บ้างแต่ด้วยความตื่นตาตื่นใจทำให้มองข้ามข้อด้อยจากหนังที่อัดมาจาก Laserdisc เหล่านี้ไปได้แต่ว่าความคันไม่เคยปราณีใครเมื่อเริ่มต้นเข้ามาในวังวนแล้วก็จะถูกมันดูดเข้าไปในส่วนลึกๆ ของมันไปเร่ือยๆ ทางเลือกก็คงมีอยู่แค่สองสามทางก็คือหนึ่งตามกระแสของมันไป สองสู้กับมัน สามเลิกยุ่งเกี่ยวกับมันแล้วหากิจกรรมอย่างอื่นทำแทน ส่วนตัวของผมเป็นประเภทแรกคือถลำลึกเข้าไปเรื่อยๆ แล้วก็เสียเงินมากขึ้นไปเรื่อยๆ ไว้ค่อยมาแชร์ประสบการณ์อันมีคุณค่าที่ได้จากวังวนนี้อีกทีนึง สำหรับวันนี้คงต้องจบแต่เพียงเท่านี้เพราะง่วงมากจริงๆ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ผู้ติดตาม