วันอังคารที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

Across the Universe : มนต์รัก The Beatles

ชื่อหนัง: Across the universe
ชื่อไทย: รักนี้คือทุกสิ่ง
ผู้กำกับ: Julie Taymor
บท: Dick Clement& Ian La Frenais...

นักแสดง: Evan Rachel Wood, Jim Sturgess, Joe Anderson, Dana Fuchs, Martin Luther, T.V. Carpio...



A l l y o u n e e d i s l o v e

ยุค 60s(Sixties) ช่วงเวลาแห่งเสรีชน ความรักข้ามเชื้อชาติ ยาเสพติด สงคราม การประท้วงและเพลงร็อคที่ถูกนำเสนอในภาพยนต์หลายต่อหลายเรื่องในมุมมองที่แตกต่างกันไป สำหรับเรื่องนี้เป็นการนำเสนอยุค 60s ในอีกรูปแบบนึงคือถูกนำเสนอในรูปแบบของ Musical โดยมี Julie Taymor ผู้กำกับที่ผ่านงานละครบรอดเวย์มา รับประกันคุณภาพของเค้าด้วยหนึ่งรางวัล Tony Award ที่ได้จากละครเพลง The Lion King(1998) เลยคิดว่าภาพยนต์เรื่องนี้คงจะน่าสนใจไม่น้อยแถมเพลงที่นำมาใช้ในการเดินเรื่องทั้งหมดก็เป็นเพลงของ The Beatles วงดนตรีร็อคระดับตำนานจากฝั่งอังกฤษอีกต่างหาก ผมยังไม่เคยเจอหนัง Musical ที่เอาเพลงของสี่เต่าทองมาดำเนินเรื่องมาก่อนเลยหากใครเจอก็บอกด้วยนะครับนึกว่าให้วิทยาทานครับ

ไหนๆ ก็เอาเพลงจากฝั่งอังกฤษมาใช้แล้วก็คงต้องหนีบเอาดาราอังกฤษมาแสดงด้วยซึ่งก็คือ Jim Sturgess พระเอกหนุ่มหน้ามนสไตล์อังกฤษแท้ๆ กับนางเอกสุดน่ารักใบหน้าสไตล์อเมริกันจ๋าลูกครึ่งฝรั่งเศสกับเยอรมันคือน้องหนู Evan Rachel Wood แฟนสุดเลิฟของ Marilyn Manson(น่าเสียดาย)นั่นเองที่แฟน Greenday คงคุ้นหน้าคุ้นตาเธอดีจาก Music Video เพลงดัง Wake Me Up When September Ends ที่แสดงคู่กับอดีตแฟนของเธอ Jamie Bell พระเอกจาก Billy Elliot พร้อมด้วยดาราประกอบอีกคับคั่ง ขอบอกว่าคับคั่งจริงๆ ครับเพราะมีฉากม็อบหน้าทำเนียบ เอ้ย! ม็อบต้านการขึ้นทะเบียนเขาพระวิหาร เอ้ย! ม็อบต้านสงครามเวียดนามที่เป็นเอกลักษณ์ของยุค 60s อยู่ในหนังด้วย ในส่วนของเสื้อผ้าของนักแสดงในเรื่องนี้ทำได้ปราณีตมากครับจนได้เข้าชิงรางวัล Oscar ในหมวดของ Costume Design เมื่อต้นปีที่ผ่านมานี้ด้วยแหละเจ๋งป่ะ เกริ่นนำมาพอสมควรแล้วได้เวลาเข้าเรื่องของเราซะทีเนาะ หุหุหุ Laughing

เริ่มเรื่องด้วยเพลง Girl ที่พระเอกหนุ่มจากเมืองท่า Liverpool ของเราร้องเพลงอยู่บนชายหาดด้วยอารมณ์ประมาณเพลงเปิดเรื่อง Moulin Rouge ทำให้ลังเลเล็กน้อยว่าเอ..ต้องมาเจอโศกนาฏกรรมในตอนจบอีกหรือเปล่าเนี่ย อันนี้ไม่บอกครับต้องไปดูเอง หุหุหุ อ้อ พระเอกนางเอกและตัวละครทั้งหมดร้องเพลงเองนะครับ เสียงทุกคนนี่พอออกเทปได้แบบไม่ขัดเขินเลยแหละ Soundtrack ของเรื่องมีเพลงดีๆ อยู่เยอะพอควรครับ แฟน Beatles อาจจะชอบหรือไม่ชอบก็ได้ยังไงไปลองหามาฟังดูก่อนนะครับ ขอบอกว่าในเรื่องนางเอกเสียงดีมากแถมน่ารักสุดๆ อีกด้วย ภาพยนต์ของเราก็เดินเรื่องไปแบบเรื่อยๆ ครับแต่ไม่ได้น่าเบื่อนะ
หนังของเราเริ่มต้นจากความรักอันแสนสดชื่นที่มีอยู่ของตัวแสดงนำจากสองฟากมหาสมุทร Atlantic ผ่านเรื่องราวต่างๆ ที่มีสังคมในยุค 60s ของอเมริกาเป็น background ดำเนินเรื่องสลับกับการเข้าเพลงที่ตัวแสดงมาสลับกันร้องที่ต้องชมเลยว่าทำได้พอเหมาะพอดีมากๆ ครับ อันนี้คงต้องชมผู้กำกับและคนเขียนบทที่เข้าเพลงได้ถูกจังหวะดี ไม่รู้สินะเพลงหลายๆ เพลงนี่ผมฟังๆ ไปนี่อารมณ์ที่ได้ประมาณว่านั่งฟัง U2 อยู่ยังไงยังงั้นแถมมี Bono นักร้องคนโปรดของผมอีกคนมาร่วมแสดงแถมร้องเพลงให้ตั้งสองเพลงแน่ะคือเพลง I am the Walrus (ไม่รู้คิดได้ไงชื่อเพลงนี้ชอบจัง)กับเพลง Lucy in the Sky ไหนๆ ก็เอาเพลงของสี่เต่าทองมาใช้แล้วชื่อของพระเอกนางเอกก็ต้องมาจากเพลงของ The Beatles ด้วยคือ Jude และ Lucy นั่นเองหากใครเคยดู I am Sam คงพอจะจำได้ว่าพระเอกของเรื่องก็ชอบสี่เต่าทองมากจนตั้งชื่อลูกว่า Lucy เหมือนกัน

Theme ของเรื่องเท่าที่ผมดูสรุปได้สองส่วนคือเรื่องของความรักและความผิดหวังที่ผสมกันได้ลงตัวพอดี จากช่วงแรกของหนังที่เริ่มด้วยความรักที่หอมหวานสดชื่น มาตึงเครียดในตอนกลางด้วยสภาวะสงคราม,การประท้วงและการพลัดพราก จนถึงบทสรุปของหนังที่ผมว่าทำได้ดีมากๆ เรื่องนึงเลยทีเดียว ส่วนจะจบยังไงนั้นลองไปหาดูครับรับรองว่าหากใครอยากดูหนังที่แนวๆ ออกอาร์ตบ้างบางฉาก มีเพลงประกอบเพราะๆ ในบรรยากาศที่หดหู่ผสมด้วยความสดชื่นพองามละก็ลองไปหามาดูครับ เรื่องนี้มีหลายๆ อารมณ์ให้ได้ซึมซาบเลยหละเด็ก Emo และแฟนของสี่เต่าทอง(บางส่วน)น่าจะชอบ ดูจบแล้วอยากจะร้องตะโกนให้ก้องทั้งฟ้าว่า "All you need is Love"

ขอให้มีความสุขกับการดูหนังและฟังเพลงครับ Smile

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ผู้ติดตาม